ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ คลังเผยขั้นตอนขายกองทุนวายุภักษ์ พร้อมเปิดให้จองซื้อในเดือน ก.ย.นี้ เริ่มเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 หนุนส่งตลาด หุ้นพุ่งลิ่วเกือบ 39 จุด ดัชนียืนเหนือ 1,400 จุด พร้อมคุยลั่นจีดีพีปีนี้จะแตะ 3% รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่จากรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันที่ 5 ก.ย.67 ว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้อย่างร้อนแรงและต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จากแรงซื้อหุ้นใหญ่ ดันดัชนีขึ้นไปบวกสูงสุดกว่า 41 จุด ก่อนมาปิดทำการที่ ระดับ 1,404.28 จุด เพิ่มขึ้น 38.79 จุด มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 81,736.15 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 7,484.60 ล้านบาท โดยหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นได้รับปัจจัยบวกหนุนจากภายในประเทศ หลังมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล และ ครม.ชุดใหม่ และความคืบหน้าของกองทุนวายุภักษ์
ทั้งนี้ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าตลาดหุ้นไทยปรับรอบนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 120 จุด จากช่วงดัชนีต่ำสุดของปีในวันที่ 6 ก.ย.67 ที่ระดับ 1,274 จุด ขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิภายในช่วง 9 วันทำการที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.-4 ก.ย.67) แล้วประมาณ 1,168.30 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า หลังมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. “แพทองธาร 1” ลำดับถัดไปจะเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ และสุดท้ายจะมีการเรียกประชุม ครม.ใหม่นัดพิเศษ เพื่อขอมตินโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา คาดว่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 10-12 ก.ย.67 ก่อนที่จะเริ่มเดินหน้าทำงานช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2568 วาระที่ 2-3 ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 5 ก.ย.67 พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าโหวตผ่าน คาดการณ์เสียงสนับสนุนไม่น่าจะต่ำกว่า 320 เสียง (ตามคะแนนเสียงพรรคร่วมรัฐบาล) ภาวะดังกล่าวหนุนให้สุญญากาศทางการเมืองหายไป อีกทั้งรัฐบาลยังตุนงบประมาณไว้เต็มมือราว 3.5 แสนล้านบาท พร้อมหนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะถัดไปเดินหน้าต่อ
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 นี้ จะขยายตัวได้ที่ 2.7-3% ต่อปี เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.67) จะเป็นช่วงที่มีมาตรการเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาลออกมา ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น อาทิ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งคาดการณ์จะเริ่มดำเนินการภายในปลายเดือน ก.ย.นี้, โครงการเปิดขายกองทุนวายุภักษ์ 150,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายช่วงเดือน ต.ค.67 และ พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอีก 100,000 ล้านบาท
“ในช่วง 3 เดือนนับจากนี้ จะมีหลากหลายโครงการที่จะทยอยออกมา ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 400,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะมีผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ให้มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพิ่มขึ้นแตะ 3% ได้อย่างแน่นอน”
สำหรับโครงการแจกเงิน 10,000 บาทนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะแจกเงินสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน และกลุ่มผู้ถือบัตรพิการที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) อีก 1 ล้านคน รวมเป็น 14.5 ล้านคน โดยเม็ดเงินที่นำมาใช้จะเป็นเงินจากงบประมาณเดิมและงบประมาณเพิ่มเติมปี 67 รวมวงเงิน 145,000 ล้านบาท ส่วนรูปแบบการแจกนั้น ต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการก่อน
นายลวรณ กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนการเสนอขายกองทุนวายุภักษ์นั้น ภายในสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะออกหนังสือชี้ชวน เสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง ประเภท ก. วงเงินรวม 150,000 ล้านบาท โดยเปิดให้ประชาชนรายย่อยจองซื้อได้ในช่วงวันที่ 16-20 ก.ย.67 และจากนั้นจะเปิดให้นักลงทุนสถาบันจองซื้อได้วันที่ 18-20 ก.ย.67 และจะทราบผลการจัดสรรหน่วยลงทุนในวันที่ 23 ก.ย.นี้ และกองทุนรวมวายุภักษ์จะเริ่มเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป ด้านหน่วยลงทุนจะเข้าไปเทรดได้ไม่เกินวันที่ 10 ต.ค.67
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สำหรับประมาณการเศรษฐกิจ ปี 67 กระทรวงการคลัง คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7-3% ซึ่งมากกว่าที่กระทรวงการคลังเคยประมาณการไว้ เมื่อเดือน ก.ค.67 ที่ 2.7% โดยมีช่วงการขยายตัว 2.2- 3.2% โดยการประมาณการใหม่นั้น ขยายจาก 2.7% ที่เป็นค่ากลาง มาเป็นฐานที่ต่ำที่สุดแทน ส่วนเม็ดเงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะมีผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจไทยราว 0.2-0.3%.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่