นับเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมทรงคุณค่าและมีประวัติศาสตร์เล่าขานยาวนานตั้งแต่สยามประเทศ สำหรับ “โรงภาษีร้อยชักสาม” ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยเจริญกรุง 36 ติดกับสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2431 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5)
จากความสำคัญของการเป็นที่ทำการของศุลกสถานแห่งแรก เก็บภาษีสินค้าขาเข้าในยุคนั้น ขณะความสวยงามและมีเอกลักษณ์ของตึกขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเด่นเห็นได้แต่ไกล ซึ่งถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี รังสรรค์ศิลปะโรมันคลาสสิก ทำให้บางครั้ง
อาคารดังกล่าวยังถูกใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงและเต้นรำของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติในงานเฉลิมพระชนมพรรษาหลายครั้งหลายคราวอีกด้วย ต่อมาตามข้อมูลปรากฏ ที่ทำการดังกล่าวถูกเปลี่ยนมาเป็นที่ทำการตำรวจน้ำเมื่อ พ.ศ. 2497 และกลายเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรักเมื่อปี พ.ศ. 2502 เป็นเวลามากกว่า 60 ปี
อย่างไรก็ดี ข่าวคราวล่าสุดที่เราได้รับรู้ หลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงย้ายออก สถานที่ดังกล่าวได้กลายเป็นอาคารร้าง แต่ด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรม ก็ได้เชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวแวะผ่านไปชื่นชมมนต์ขลังของสถานที่แห่งนี้ไม่ขาดสาย
ซึ่งหลังจากกระทรวงการคลังกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือบีทีเอส กรุ๊ป ลงนามข้อตกลง “โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม” ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2562 ล่าสุด แรบบิท โฮลดิ้งส์ บริษัทในเครือของบีทีเอส กรุ๊ป รับไม้ต่อ ประกาศเปิดตัวโรงแรมใหม่อย่างเป็นทางการ พลิกโฉมทั้งแปลงที่ดินและศุลกสถานเป็นโรงแรมใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อ “เดอะ แลงแฮม แบงค็อก” ซึ่งมีที่มาที่ไปน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแนวความคิดและการคงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของสยาม และการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างอดีตและปัจจุบันอีกด้วย
โดยแลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป (LHG) และแรบบิท โฮลดิ้งส์ ประกาศการเปิดตัวโรงแรม เดอะ แลงแฮม แบงค็อก (The Langham Bangkok) ณ โรงภาษีร้อยชักสาม เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรู โดยนำเอาอาคารมรดกเก่าแก่โรงภาษีร้อยชักสาม รวมถึงอาคารที่ทำการไปรษณีย์เก่าที่เสื่อมโทรม มาชุบชีวิตและบูรณะอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งเป้าหมายให้กลับมารุ่งเรืองดังในอดีต โดยยังคงเก็บคุณค่าทางประวัติศาสตร์เอาไว้อย่างครบถ้วน ผ่านการปรับโฉมใหม่เป็นห้องพัก 78 ห้อง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและโครงสร้างที่ทันสมัย ซึ่งคาดว่านี่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ย่านบางรัก เพราะโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา
“กวิน กาญจนพาสน์” กรรมการของแรบบิท โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า สำหรับโปรเจกต์โรงแรมหรูดังกล่าว ได้มีการแต่งตั้งแลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป เข้ามาบริหารจัดการ ในฐานะที่ “แลงแฮม” มีความเชี่ยวชาญในการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการท่องเที่ยวและการโรงแรมระดับห้าดาวต่าง ๆ ในภูมิภาคที่มีชื่อเสียง ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของอาคาร Customs House และเขตบางรักได้อย่างแท้จริง
สำหรับ LHG เป็นผู้บริหารโรงแรมและที่พักอาศัย 40 แห่งทั่วโลกทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง โดยได้ชื่อมา เดอะ แลงแฮม ลอนดอน (The Langham, London) ซึ่งเป็นโรงแรมแกรนด์แห่งแรกของยุโรป ที่ถือเป็นจุดสุดยอดของการต้อนรับอันประณีตและสง่างามมากว่า 150 ปีแล้ว
ผลงานโดดเด่นของแลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังได้แก่ เดอะ แลงแฮม บอสตัน ซึ่งเป็นโรงแรมหรูที่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เดอะ แลงแฮม ชิคาโก สถานที่พักผ่อนอันหรูหราตั้งอยู่ในอาคาร Mies van der Rohe อันเป็นเอกลักษณ์ และเดอะ แลงแฮม แพซาดีนา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดซึ่งมีอายุย้อนไปถึงปี ค.ศ. 1907
นอกจากนี้ล่าสุด แลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป ได้เข้าไปบูรณะโรงงานกระจกเก่าบนเกาะมูราโน ในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ให้กลายเป็นสถานที่พักผ่อนอันหรูหราเหนือกาลเวลา
ทั้งนี้ “Bob van den Oord” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแลงแฮม ฮอสปิทาลิตี้ กรุ๊ป กล่าวว่า สำหรับไฮไลต์สำคัญโปรเจกต์ เดอะ แลงแฮม แบงค็อก ณ โรงภาษีร้อยชักสาม จะยกย่องยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของสยามในอดีต ด้วยการถักทอความงดงามของวัฒนธรรมไทยแบบดั้งเดิมเข้ากับสถาปัตยกรรมตะวันตกของอาคารอย่างประณีต
การผสมผสานที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์นี้จะสะท้อนออกมาให้เห็นในทุกส่วนของโรงแรม ตั้งแต่ห้องพักหรูที่อบอุ่น ห้องบอลรูมที่มองเห็นวิวแม่น้ำ ไปจนถึงสปาที่สงบร่มเย็น และพื้นที่ส่วนกลางที่อบอุ่น สร้างบรรยากาศที่สื่อถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของไทยอย่างซาบซึ้ง พร้อมมอบความหรูหราทันสมัย
เพื่ออนุรักษ์แก่นแท้ทางประวัติศาสตร์ของอาคาร Customs House ไปพร้อมกับการผสมผสานความหรูหราและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว การบูรณะอย่างพิถีพิถันนี้จะเชิดชูลักษณะทางสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของอาคาร ควบคู่ไปกับการเสริมการออกแบบร่วมสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกตามศาสตร์และศิลป์อันทันสมัย
ซึ่งการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความเก่าและใหม่นี้จะทำให้แขกผู้เข้าพักได้รับประสบการณ์พิเศษที่เฉลิมฉลองทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนานและอนาคตของสถานที่สำคัญอันเป็นสัญลักษณ์แห่งนี้ คาดเปิดบริการปี 2569
ที่มา : กรมธนารักษ์
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney