ตั้งเป้าผลิตมนุษย์ดิจิทัล 2 แสนคน เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมเป็น 1 ล้านล้านบาทปี 70

ดีป้าเปิดเป้าหมายปี 2570 ผลิตแรงงานทักษะดิจิทัลปีละ 1 แสนคน และผลิตมนุษย์ทองคำในสายอาชีพขาดแคลน 5 อาชีพให้ได้ปีละ 1 แสนคน รวม 2 แสนคน และเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมดิจิทัลจากปัจจุบันที่ 350,000 ล้านบาท สู่ 1 ล้านล้านบาทในปี 2570

นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า เปิดเผยว่า ในปี 2568 ดีป้าจะยังคงดำเนินงานภายใต้แนวคิด Perform Better, Think Faster and Live Better ส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลอย่างชาญฉลาด เพื่อยกระดับคุณภาพให้ดีขึ้น “ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ดีป้าส่งเสริมและสนับสนุนโครงการรวมกว่า 1,560 โครงการ ภายใต้วงเงินอนุมัติ 1,930 ล้านบาท สามารถสร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 24,300 ล้านบาท”

“เป้าหมายของดีป้าคือ การสร้างการรับรู้ด้านดิจิทัล หรือ Digital Literacy ให้กับคนไทย 67 ล้านคนโดยไม่ตกหล่น โดยล่าสุดได้ ขึ้นทะเบียน 14 สายอาชีพ ในจำนวนดังกล่าวมี 5 อาชีพขาดแคลน เป็น “มนุษย์ทองคำ” แห่งยุค ได้แก่ 1.ด้าน Data และปัญญาประดิษฐ์ (AI) 2.วิศวกรบล็อกเชน (Blockchain Engineer) 3.ด้าน 5G ++ Network 4.ควอนตัม คอมพิวติ้ง (Quantum Computing) 5.Cloud Innovation ซึ่งเอกชนที่เปิดคอร์สอบรมและจ้างงานใน 14 สายอาชีพดังกล่าวจะได้รับสิทธิพิเศษลดหย่อนภาษีนิติบุคคลสูงสุด 250%”

นอกจากนั้น ยังกำลังร่าง พ.ร.บ.พัฒนาอุตสาหกรรมเกม เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตเกมไทย และจัดระเบียบอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมเกมในไทยมีมูลค่าอยู่ที่ปีละ 40,000 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่อยู่ในมือผู้ประกอบการไทยเพียง 700 ล้านบาท การร่างกฎหมายเพื่อจัดระเบียบ สนับสนุน พัฒนา จะกลายเป็นโอกาสสำหรับผู้ผลิตเกมไทย เพราะปัจจุบันเราอยู่ในสถานะผู้ใช้ ผู้นำเข้า

ภายใต้มาตรการต่างๆของดีป้ามีเป้าหมายผลิตแรงงานทักษะดิจิทัลให้ได้ปีละ 100,000 คนภายในปี 2570 จากปัจจุบันผลิตได้ปีละ 30,000-40,000 คน ผลิตมนุษย์ทองคำในสายอาชีพขาดแคลน 5 อาชีพให้ได้ปีละ 100,000 คนภายในปี 2570 เช่นกัน จากปัจจุบันผลิตได้ปีละ 20,000 คน รวมทั้งเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมดิจิทัล จากปัจจุบันอยู่ที่ 350,000 ล้านบาท เป็น 1 ล้านล้านบาทในปี 2570

นายณัฐพล ยังกล่าวถึงแนวทางการยกระดับกำลังคนและบุคลากรดิจิทัลของดีป้าว่า แบ่งเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะยาวกับโครงการ Coding Thailand ที่ทำมาตั้งแต่ปี 2560 ระยะกลางกับมาตรการให้ทุนการศึกษาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล และระยะสั้นกับโครงการ CONNEXION ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพการใช้ดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อสร้างยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

นอกจากนี้ ยังได้จัดทำบัญชีบริการดิจิทัลที่รวมสินค้าและบริการจากสตาร์ตอัพไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามข้อกำหนดมาตรฐาน dSURE เพื่อสร้างให้แข่งขันได้เท่าเทียมบริษัทใหญ่ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการ Thailand Digital Valley ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2568.