กลายเป็นทำเลทองฝังเพชร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ “ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา” ย่านที่มีการเติบโตเร็วที่สุด ในยุค “บ้านคนรวย”เมืองไทย เฟื่องฟู
จุดยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพสูงเชื่อมต่อกับเส้นทางคมนาคมหลัก ทั้งทางด่วนและสนามบิน ใกล้ ทั้งศูนย์การค้า โรงเรียนนานาชาติ และสถานพยาบาลชั้นนำ กลายเป็นจุดเด่นดึงดูดการลงทุนในแง่อสังหาริมทรัพย์ ของนักพัฒนาที่ดินทั้งไทยและต่างประเทศ เข้ามาไม่ขาดสาย
เช่นเดียวกับ การขยับของ ตระกูล “มหากิจศิริ” แห่ง ธุรกิจเนสกาแฟ ซึ่งมีพอร์ตการทำธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้ บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยมีทายาทคนสำคัญ อย่าง “อุษณา มหากิจศิริ” เป็นผู้ขับเคลื่อน ก็มองเห็นโอกาส ของดีมานด์ และการเติบโตของทำเลกรุงเทพกรีฑานี้ ด้วยเช่นกัน
โดย ล่าสุด ร่วมลงทุน กับ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (KRD) ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น ประกาศ เปิดตัวโครงการ AVIAN Srinakarin-Krungthepkreetha (เอเวียน ศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา) บ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม มูลค่า 2,792 ล้านบาท บนพื้นที่ 42 ไร่ ติดถนนใหญ่ โดยในเฟสแรก เปิดขาย 40 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นมากกว่า 400 ตร.ม. และ มีราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนขนาดเริ่ม 229 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท
ผู้บริหาร เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ ให้ข้อมูลว่า ทำเลศรีนครินทร์-กรุงเทพกรีฑา เป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพสูงของกรุงเทพฯโซนตะวันออก ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของทำเลจึงคาดว่ามูลค่าทรัพย์สินในพื้นที่นี้จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ AVIAN เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในระยะยาว
นอกจากโครงการ AVIAN แล้ว เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ ยังมีแผนการลงทุนในอนาคตอีกหลายโครงการ โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 จะมีการเปิดตัวโครงการ Aerie ศรีนครินทร์-สวนหลวง มูลค่า 1,100 ล้านบาท และ Avian บางนา กม. 5 มูลค่า 1,200 ล้านบาท รวมไปถึงมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในเซ็กเมนต์อื่น ๆ เช่น ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่หลากหลายมากขึ้น
ขณะกูรูด้านอสังหาฯ “วิทูร เลิศพนมวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอเอฟซีจี จำกัด (มหาชน) บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยศักยภาพของทำเล กรุงเทพกรีฑา เพิ่มเติมเชิงลึก ว่า ปัจจุบัน กรุงเทพกรีฑา ถูกหยิบยก เป็น "คอมมูนิตี้ลักซ์ชัวรี่" แห่งใหม่ ของกรุงเทพฯ และมีมูลค่าของราคาที่ดิน และราคาอสังหาฯ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการเป็นทำเลเกิดใหม่ และ เชื่อมต่อความเจริญ ไม่ไกลมากนัก จากย่าน "ทองหล่อ" ที่เป็นซุปเปอร์ทำเล ฮับของคนร่ำรวย - เศรษฐีมีเงิน มาหลายสิบปี
เจาะลึกในทำเลดังกล่าว มีการขยายตัวทั้งฝั่งดีมานด์ และซัพพลาย "ที่อยู่อาศัย" ระดับบน อย่างหนาแน่น ส่งผลให้ "ราคาที่ดิน" กรุงเทพกรีฑา เติบโตอย่างก้าวกระโดด เทียบระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ราคาขึ้น 150% ซึ่งส่งต่อ มูลค่าของอสังหาฯที่ถือครองให้เพิ่มขึ้นไปด้วย
โดยปัจจุบัน ราคาที่ดินกรุงเทพกรีฑาติดถนนใหญ่ มีการซื้อขาย 1.3-1.4 แสนบาท/ตร.ว. เติบโตขึ้นปีละ 10% เท่ากับ หาก 10 ปีก่อน ซื้อบ้านในย่านนี้ ราคา 10 ล้านบาท ปัจจุบัน ราคาบ้านหลังดังกล่าว จะเพิ่มมาอยู่ที่ 25 ล้านบาท
"เดิมยุคแรกๆ ทำเลกรุงเทพกรีฑา เป็นที่รู้จักในฐานะ แหล่งพบปะเล่นกอล์ฟ เล่นกีฬา เป็นคอมมูนิตี้ของเหล่าคนรวย ก่อนความเจริญของพื้นที่ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นฮับที่อยู่อาศัยชั้นดี แวดล้อมไปด้วย โรงเรียนนานาชาติ ไลฟ์สไตล์ศูนย์การค้า ทำให้เป็น เดสติเนชั่น ของชาวต่างชาติ อีกด้วย ขณะในอนาคต ต้องจับตา การเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สายสีส้ม และอานิสงส์ของแผนรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบิน คาดว่าจะทำให้ ความต้องการที่ดิน และราคาอสังหาฯในพื้นที่ดังกล่าว เติบโตอย่างก้าวกระโดด มากยิ่งขึ้น "
ข้อมูลจาก JLL ยังเผยว่า แค่เฉพาะไตรมาสแรก ปี 2567 ในทำเลกรุงเทพกรีฑา มีบ้านระดับบนสร้างแล้วเสร็จ รวม 619 หลัง จาก 15 โปรเจกต์ โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 56,000-132,000 บาท ต่อ ตร.ม. หรือ ราคา 15-515 ล้านบาท ต่อหลัง ซึ่งเติบโตขึ้นตามดีมานด์ หรือความต้องการของคนยุคใหม่ ที่เริ่มเปลี่ยนผ่านความนิยม จากการซื้อคอนโดฯราคาแพงมากกว่า 10 ล้านบาท มามองหา บ้านเดี่ยว ในทำเลศักยภาพ ในโซนนี้มากขึ้น
ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าว ยังสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับมูลค่าของอสังหาฯด้วย โดยเฉพาะในแง่การลงทุน และ ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า ที่ปัจจุบัน อยู่ในระดับสูงที่ 7-9% เทียบบ้านราคา 15 ล้านบาท สามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 100,000 บาท ต่อ เดือน เลยทีเดียว
สำหรับมุมมองต่อตลาดอสังหาฯ “ผู้บริหาร เดอะเนสท์” ชี้ว่า แม้ปัจจุบัน ตลาดโดยรวมจะเผชิญความท้าทาย แต่กลุ่มที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากรายงานล่าสุดของ LWS ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 พบว่ากลุ่มบ้านพักอาศัยที่ระดับราคาเกิน 10 ล้านบาทมีจำนวนหน่วยเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้นถึง 44% และมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการขาย ณ วันเปิดตัวเฉลี่ยที่ 9%
"การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตของคนยุคปัจจุบันทำให้บ้านต้องมีฟังก์ชันที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดบ้านพรีเมียมให้เติบโต การลงทุนในโครงการ AVIAN จึงไม่ใช่เพียงการเลือกที่อยู่อาศัย แต่เป็นการลงทุนในวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป"
ทั้งนี้ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท คันไซ อิเลคทริค เพาเวอร์ จำกัด (KEP) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
โดยปัจจุบัน KRD มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 50,000 ยูนิตทั่วประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ในคันไซ โตเกียว เซนได รวมไปถึง การเข้าไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ ด้วย ซึ่งในอนาคต เดอะเนสท์ และ KRD ยังมีแผนพัฒนาโครงการร่วมกันอีกหลายแห่ง หลังจากญี่ปุ่น มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดอสังหาฯไทย
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney