นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดเผยว่า จากเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ปี 2567 ศูนย์ฯสิริกิติ์มุ่งเน้นจัดงานตามกระแส อาทิ งานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ งานสัตว์เลี้ยง งานโออีเอ็ม สร้างแบรนด์ งานสร้างเจ้าของกิจการ และการขายของออนไลน์ เป็นต้น ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งปีคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 7-8% จากปี 2566
“เชื่อว่าประเทศไทยสามารถเป็นมาร์เก็ตเพลสสำหรับภูมิภาคนี้ได้แน่ เพราะสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่จัดงานและโรงแรมจำนวนมากมีไว้รองรับการเข้ามาของต่างประเทศ ในราคาที่ไม่แพง ที่ผ่านมาประเทศกลุ่มซีแอลเอ็มวี และจีนให้ความสนใจเข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เรื่องนี้อยากให้รัฐบาลสนับสนุนให้ไทยเป็นมาร์เก็ตเพลส สำหรับภูมิภาคนี้ เพราะหลังโควิดตลาดต่างประเทศพื้นตัวชัดเจน ยกเว้นตลาดในประเทศที่ยังมีปัญหาเรื่องการบริโภคภายในประเทศ”
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า กลุ่มประเทศที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นประเทศเป้าหมายในการเชิญชวนมาจัดงานที่ไทย ได้แก่ กลุ่มแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) โดยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ทุกๆเทรดแฟร์ ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์จัด กลุ่มซีแอลเอ็มวีให้การตอบรับเป็นอย่างดี แต่ที่เห็นการเติบโตชัดเจนที่สุดในปีนี้คือประเทศจีน ที่ให้ความสนใจร่วมงานเทรดแฟร์ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์จำนวนมาก มีจำนวนมากกว่า 30% ของจำนวนทั้งหมดที่ร่วมเทรดแฟร์ที่ศูนย์ฯสิริกิติ์
“ปี 2566 ที่ธุรกิจหรือโรงงานจีนที่เข้าร่วมเทรดแฟร์ไม่มากนัก แต่ในปีนี้จีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจจะเกิดจากความสะดวกสบาย หลังรัฐบาลเปิดมาตรการวีซ่าฟรี ในแง่ธุรกิจถือว่ามีประโยชน์ แต่เรื่องการดูแลการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่เป็นเรื่องของภาครัฐที่จะตรวจสอบและควบคุม และมาตรฐานความปลอดภัยก็เป็นไปตามกฎหมายทุกบริษัทต้องได้มาตรฐานจากประเทศต้นทาง เพราะหลายสินค้าต้องสัมผัสร่างกายและเป็นอาหารการกิน ล่าสุดจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2024 ระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.2567 ก็ได้รับความสนใจจากธุรกิจในต่างประเทศจำนวนมากและในจำนวนนี้จีนก็มีสัดส่วนการร่วมงานไม่ต่ำกว่า 30% ของผู้ร่วมงานทั้งหมดเช่นกัน”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่