ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ออกบทวิจัยเกี่ยวกับทิศทางส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร โดยระบุว่า ในปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรไทยจะยังขยายตัวได้ แต่มีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรอบใหม่ ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไทยที่เป็นห่วงโซ่อุปทานของจีน รวมถึงความท้าทายจากการแข่งขันในตลาดจีนที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนค่าขนส่ง ค่าจ้างแรงงาน และมาตรการสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้า ซึ่งอาจกดดันอัตรากำไรของผู้ประกอบการ ขณะที่สภาพอากาศครึ่งปีหลังที่เข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญา อาจทำให้ความต้องการสินค้าเกษตรมีแนวโน้มลดลง จากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ
ทั้งนี้ มูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรในไตรมาส 2 อยู่ที่ 14,639 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 530,000 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องที่ 5.8% จากระยะเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 0.3% โดยสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ไก่ ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง และน้ำตาลทราย
สำหรับสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว ขยายตัวเพิ่มขึ้น 53.0% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากความกังวลด้านความมั่นคงทางอาหาร และนโยบายจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดีย ขณะที่ยางพาราขยายตัวเพิ่มขึ้น 37.3% ปรับตัวขึ้นจากราคาส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาก ขณะที่อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่มขึ้น 4.1% โดยได้รับผลบวกจากความต้องการนำเข้าในตลาดตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น จากความกังวลต่อภาวะสงคราม.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่