เป็นที่น่าจับตามองว่า ในภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ กำลังซื้อคนไทย “อ่อนแอ” บริษัทพัฒนาที่ดิน และโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ยังจะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรได้อย่างไร?
ทั้งนี้ จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของดีมานด์ในตลาดโครงการหรูระดับบน ทำให้บางบริษัทยังคงมีตัวเลขของผลประกอบการที่น่าสนใจ
เจาะผลประกอบการล่าสุด ของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI หลังแจ้ง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567
โดยพบว่า สำหรับครึ่งปีแรกนี้ แสนสิริ มีรายได้รวม 19,784 ล้านบาท เติบโตขึ้น 7% หรือ 1,292 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ของปี 2566
สำหรับกำไรสุทธิครึ่งแรก อยู่ที่ 2,702 ล้านบาท ซึ่งลดลง 15.6% หรือ 501 ล้านบาท จากปีก่อน ซึ่งให้เหตุผลว่า มาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณา เฉพาะช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า แสนสิริ มีผลงานดีขึ้นจากปีก่อน นอกจากนี้ “วิชาญ วิริยะภูษิต” ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน SIRI ยังให้ข้อมูลว่า แสนสิริ มีผลงานยอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางรัฐบาลที่ทำให้ตลาดเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก
โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท ขณะด้านรายได้ ครึ่งปี คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ 43,000 บาท ส่วนไตรมาส 2 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสแรก
ทั้งหมดเป็นความสำเร็จจากในช่วงครึ่งปีแรก แสนสิริ สามารถปิดการขาย (Sold Out) รวม 19 โครงการ มูลค่ารวม 15,200 ล้านบาท เช่น BuGaan (บูก้าน) พระราม 9-เหม่งจ๋าย, เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี, เอ็กซ์ที เอกมัย รวมถึง Business Model ใหม่ กับ Exclusive Residence เจาะความต้องการของลูกค้า Niche Market ด้วยโครงการขนาดเล็ก ยูนิตน้อย บน Prime Location ประสบความสำเร็จด้านยอดขาย Sold Out อย่างรวดเร็ว เช่น ELSE (เอลซ์) กรุงเทพกรีฑา และ PYNN (พินน์) ปรีดี 20 ก็มียอดขายแล้วถึง 80% จ่อคิว Sold out
รวมถึงพอร์ตบ้านเดี่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง จากรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวรี่ ทั้งการโอนต่อเนื่องของโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และนาราสิริ พหล-วัชรพล ที่มียอดขายที่ดี การต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์บ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ”
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Joint Venture ยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการโอนคอนโดมิเนียมเดอะ ไลน์ ไวบ์ มูลค่าโครงการ 4,400 ล้านบาท
สำหรับแผนธุรกิจของแสนสิริ ในช่วงครึ่งปีหลัง พบมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 26 โครงการ มูลค่ารวม 38,700 ล้านบาท ไฮไลต์แนวราบ เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ คือ “ณริณสิริ” (Narinsiri) แบรนด์บ้านเดี่ยวใหม่ระดับพรีเมียม (ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา และณริณสิริ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา) ราคาเริ่มต้นที่ 40-80 ล้านบาท ช่วงปลายปี
ถัดมาคือ “เมเบิล” (Mabel) ทำเลแรกเมเบิล บางนา 26 ใกล้ทางด่วน ส่วนตัวเพียง 105 ยูนิต ราคา 6–8 ล้านบาท ด้านคอนโดมิเนียมเปิดตัว Affordable Condo อย่างแบรนด์ดีคอนโด อย่างต่อเนื่อง และอีกไฮไลต์สำคัญ อย่างการเปิดตัวโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 61
อีกหนึ่งโครงการใหม่จากซีรีส์ One of a Kind Project โดดเด่นบนทำเลศักยภาพบนสุขุมวิท 36 และแสนสิริยังเตรียมเปิดโปรเจกต์ใหญ่ ปักธงภูเก็ต ต้อนรับ High Season ในสิ้นปี ในย่านบางเทา-เชิงทะเล ทำให้ ณ ขณะนี้ แสนสิริจะมียูนิตพร้อมขายทั่วประเทศรวมมูลค่า 127,000 ล้านบาท
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney