นายเศรษฐา ทวีสิน นายรัฐมนตรี แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นเจ้าภาพ ประชุมหามาตรการป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าต่างประเทศที่ผิดกฎหมายเพื่อหาทางสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ให้ปรับตัวแข่งขันได้
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กำหนดมาตรการ เช่น 1.การตรวจสอบการจดทะเบียนธุรกิจและใบอนุญาตต่างๆ เพื่อจัดการกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือสีเทาจากต่างประเทศ 2.การตรวจสอบสินค้าว่าเป็นไปตามมาตรฐาน เช่น มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และสำนักงานอาหารและยา (อย.) หรือไม่ 3.การตรวจสอบใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและการชำระอากรขาเข้าของผู้ประกอบการ 4.การตรวจสอบใบอนุญาตการตั้งโรงงาน โดยกรมโรงงาน เพื่อนำเสนอต่อ ครม.ภายในเดือนนี้ เนื่องจากมีข้อร้องเรียนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะเอสเอ็มอีเกี่ยวกับธุรกิจขายสินค้าทางออนไลน์และออฟไลน์จากต่างประเทศ ว่าเข้ามาค้าขายอย่างผิดปกติในไทย ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำธุรกิจของคนไทย
ด้านนายภูมิธรรม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Phumtham Wechayachai ถึงการเข้ามาของ TEMUแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ จากจีน ข้อความส่วนหนึ่งระบุ รัฐบาลกำลังเร่งออกมาตรการเพื่อช่วยปกป้องดูแลภาคธุรกิจไทย โดยจะพิจารณาให้ครอบคลุม เพื่อการสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภค การสนับสนุนเอสเอ็มอี และการส่งเสริมการค้าเสรีและนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยให้การเข้ามาของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซข้ามชาติ เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว ทั้งนี้ สัปดาห์ก่อนกระทรวงพาณิชย์ได้จัดประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง พิจารณาผลกระทบจากอี-คอมเมิร์ซทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งต้องตรวจสอบว่าสินค้าได้มาตรฐานตามกฎหมายไทยหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้พิจารณาถึงการจัดเก็บภาษีอี-คอมเมิร์ซด้วย พร้อมไปกับการส่งเสริมและสนับสนุนเอสเอ็มอี พัฒนาศักยภาพ สร้างช่องทางการตลาดใหม่ ซึ่งขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญยิ่งในการบุกตลาดใหญ่ เช่น จีน โดยจะจัดมหกรรม Live-Commerce ช่วง ก.ย.2567 เชิญอินฟลูเอนเซอร์จากจีนและอื่นๆ ที่เป็นตลาดเป้าหมาย คัดเลือกสินค้าไทย นำไป Live สดขายให้ผู้บริโภค โดยคัดเลือกสินค้าไทยที่คนจีนสนใจได้ 500 รายการสินค้า ตั้งเป้ารายได้กว่า 1,500 ล้านบาท.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่