จีไอใหม่ "กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

จีไอใหม่ "กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า"

Date Time: 1 ส.ค. 2567 05:29 น.

Summary

  • “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” มีลักษณะผลค่อนข้างกลม ขั้วผลนูนเล็กน้อย เปลือกบาง ผิวนอกไม่เรียบ ผลสุกสีเหลืองทอง เนื้อหนานุ่ม ฉ่ำ ปุยเมล็ดมีรสหวานฉ่ำ กลิ่นหอมหวาน มีการขยายพื้นที่ปลูกครอบคลุมทั้งอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง

Latest

ชี้ทัวร์ต้องปรับตัวหนีตาย แอตต้าโรดโชว์พบ 900 ผู้ประกอบการจีน

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 28 ก.ค.67 กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมเฉลิมพระเกียรติ โดยประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” จังหวัดอ่างทอง

ซึ่งเป็นกระท้อนที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกต้นกระท้อนพันธุ์ “ทองใบใหญ่” ณ วัดยางทอง เมื่อวันที่ 23 มี.ค.50 และพระราชทานพันธุ์ให้แก่ราษฎรจังหวัดอ่างทอง เพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

สำหรับ “กระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า” มีลักษณะผลค่อนข้างกลม ขั้วผลนูนเล็กน้อย เปลือกบาง ผิวนอกไม่เรียบ ผลสุกสีเหลืองทอง เนื้อหนานุ่ม ฉ่ำ ปุยเมล็ดมีรสหวานฉ่ำ กลิ่นหอมหวาน มีการขยายพื้นที่ปลูกครอบคลุมทั้งอำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นที่ราบตะกอนน้ำพา มีชุดดินสิงห์บุรี ที่มีธาตุโปแตสเซียมและฟอสฟอรัสสูง

ประกอบกับมีลักษณะภูมิอากาศอยู่ในโซนร้อนและชุ่มชื้น เป็นแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีเมฆมากและฝนตกชุก รวมถึงมีภูมิปัญญาและองค์ความรู้ในเรื่องการเพาะปลูกของเกษตรกร ที่มีความชำนาญและประสบการณ์

ส่งผลให้กระท้อนมีรสชาติหวานฉ่ำ อร่อย และเจริญเติบโตได้ดี จนได้รับรางวัลชนะเลิศด้านรสชาติอันดับ 1 ของจังหวัดอ่างทอง อีกทั้งยังมีการจัดงานมหกรรมกระท้อนทองใบใหญ่ทรงปลูก เพื่อเผยแพร่ผลผลิตกระท้อนให้เป็นที่นิยมของตลาด จนสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรกว่าปีละ 6 ล้านบาท

โดยภายหลังจากการขึ้นทะเบียนจีไอแล้ว จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับกระท้อนทองใบใหญ่บางเจ้าฉ่า และช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงมีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนจีไอ เพื่อคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า

ตลอดจนส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาด ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียนจีไอทั่วประเทศแล้ว 206 สินค้า และยังมีสินค้าจีไอไทยที่ขึ้นทะเบียนในต่างประเทศอีก 8 สินค้า สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ผลิตในชุมชนท้องถิ่นต่างๆได้มากกว่าปีละ 71,000 ล้านบาทแล้ว

สำหรับเกษตรกรหรือชุมชนที่สนใจนำสินค้าชุมชนที่มีอัตลักษณ์ และเชื่อมโยงกับแหล่งภูมิศาสตร์มาขอรับการขึ้นทะเบียนจีไอ สามารถปรึกษาได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสายด่วน โทร.1368

ไม่อยากตกเทรนด์ ก็รีบปรึกษาด่วน!

ฟันนี่เอส

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ