แม้หลายคน จะมองว่าการซื้อ “ที่อยู่อาศัย” ในเวลานี้ ไม่ใช่จังหวะที่ดีนัก เพราะต้องเผชิญความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ อาชีพการงาน และ ความมั่นคงของรายได้ในอนาคต
แต่อีกด้าน สำหรับคนที่มีความพร้อมทางการเงิน ภายใต้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ต้องการระบายสต๊อกโครงการบ้าน-คอนโดมิเนียม ในราคาที่ต่ำกว่าปกติ และ มีการจับมือกับ ธนาคาร/สถาบันการเงิน นำเสนอโปรโมชันสินเชื่อที่อยู่อาศัยพิเศษให้ ก็ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องซื้อที่อยู่อาศัย ในช่วงนี้ ไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของการซื้อ “ที่อยู่อาศัย” ที่มือใหม่ต้องคำนึง นอกจาก เลือกบ้าน โครงการคอนโดฯ ที่ใช่ และ อยู่ในระดับราคา ที่เหมาะสมกับ ความสามารถในการผ่อนรายเดือนของเราแล้ว ความรู้เรื่อง “ดอกเบี้ยบ้าน” ก็เป็นสิ่งที่ ผู้ซื้อบ้าน ต้องหาข้อมูล และ ทำความเข้าใจ ให้ถูกต้อง แม่นยำ เสียก่อน เพราะจะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถผ่อนบ้านปลดหนี้ได้เร็วขึ้น หากรู้เท่าทัน
ข้อมูลจาก DDproperty (ดีดีพร็อพเพอร์ตี้) แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังระบุว่า การหาข้อมูลและทำความเข้าใจ “อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัย” จะช่วยให้ผู้กู้สามารถเลือกแคมเปญที่สอดคล้องกับแผนทางการเงินได้ดีขึ้น โดยแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
1.อัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีการกำหนดมาแล้ว ณ เวลาที่ทำสินเชื่อ แต่มีเงื่อนไขให้สถาบันการเงินสามารถปรับเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยได้ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่องในระบบการเงินหรือต้นทุนการเงินของธนาคาร โดยไม่มีข้อกำหนดว่าจะปรับเมื่อไหร่และปรับปีละกี่ครั้ง ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้จะส่งผลกระทบต่อจำนวนที่ผู้กู้ต้องชำระต่องวดได้
โดยอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวจะอ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ยของเงินกู้ระยะยาวสำหรับลูกหนี้ชั้นดีซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำสุด หรือ MLR (Minimum Loan Rate) โดยจะเป็นค่าบวกหรือลบจาก MLR ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร อัตราดอกเบี้ยประเภทนี้มีข้อดีในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง จะทำให้ยอดชำระเงินกู้รายงวดลดลงตามไปด้วย แม้ในความเป็นจริงจะชำระเงินเท่าเดิม แต่จะมีเงินส่วนเกินไปลดเงินต้นได้มากขึ้น
2.อัตราดอกเบี้ยคงที่ มีข้อดีคือหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น จะทำให้ผู้กู้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มตามไปด้วย แต่หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลง จำนวนดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องจ่ายจะไม่ลดลงตามไปด้วย ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าที่ควรจะเป็น โดยแบ่งย่อยออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ทั้งนี้ สำหรับเคล็ดลับในการเลือกสินเชื่อ หากเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ควรเลือกในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับลดลง ซึ่งสามารถติดตามได้จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ จะทำให้ยอดดอกเบี้ยที่ผู้กู้ต้องชำระลดลงตามไปด้วย แต่หากอยู่ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้น ผู้กู้ควรเลือกสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ทั้ง 3 ปี แม้ค่าเฉลี่ย 3 ปีจะสูงกว่าแบบลอยตัว แต่จะช่วยลดความเสี่ยงของอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่อาจปรับสูงขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นได้
ซึ่งวิธีเปรียบเทียบ “อัตราดอกเบี้ย” ที่ดีที่สุด ก็คือ การนำอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อแต่ละตัวมาเฉลี่ยเป็นอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุของสินเชื่อ โดยปรับให้เป็นอัตราดอกเบี้ยต่อปี ซึ่งจะทำให้สามารถเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น
“ผู้กู้ควรพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยใน 3 ปีแรกเป็นหลักว่าธนาคารใดให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเมื่อผ่อนชำระครบ 3 ปีแล้วจึงยื่นเรื่องขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention) หรือดำเนินการรีไฟแนนซ์ (Refinance) กับธนาคารใหม่ วิธีนี้จะช่วยให้ประหยัดเงินค่าดอกเบี้ยได้มากขึ้น"
ทั้งนี้ แน่นอนว่าคนซื้อบ้านส่วนใหญ่ที่กู้เงินซื้อบ้านกับธนาคารชั้นนำ ต่างต้องมีคำถามว่าจะทำอย่างไรให้ดอกเบี้ยบ้านนั้นต่ำลง เมื่อเข้าสู่กระบวนการผ่อนบ้านไปสักระยะหนึ่งแล้ว อ้างอิงข้อมูลเผยแพร่ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โดยปกติการที่จะทำให้ดอกเบี้ยนั้นต่ำลง สามารถทำได้ด้วย 5 เทคนิคประหยัดดอกเบี้ยบ้าน ตัวช่วยหมดหนี้บ้านเร็ว ดังนี้
ที่มา : DDproperty, แสนสิริ
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney