นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการประมูลข้าวสารหอมมะลิสต๊อกรัฐ 15,000 ตัน หรือข้าว 10 ปี ในคลังกิตติชัย และคลังพูนผลเทรดดิ้ง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 ว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) รายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอซื้อทั้ง 6 ราย เป็นครั้งที่ 2 เสร็จแล้ว หลังจากผู้เสนอซื้อสูงสุด กิโลกรัม (กก.) ละ 19.07 บาท รวมกว่า 286 ล้านบาท คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด มีข้อน่าสงสัยด้านคุณสมบัติ จึงสั่งให้ตรวจสอบทุกรายใหม่ทั้งหมดให้เสร็จใน 7 วัน ครบกำหนด 2 ก.ค.67
“อคส.รายงานว่า มี 3 รายไม่ผ่านคุณสมบัติ และถูกตัดสิทธิ์ จึงสั่งการให้ อคส.เลือกผู้เสนอซื้อที่มีคุณสมบัติถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงลำดับถัดไปในแต่ละคลัง มาต่อรองราคาเสนอซื้อให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด และให้ได้ข้อยุติ โดยให้ยึดราคาที่วีเอทให้ไว้ แต่จะได้หรือไม่ อยู่ที่การต่อรอง ถ้าไม่ได้ คงต้องล้มและประมูลใหม่”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3 รายที่ถูกตัดสิทธิ์ ได้แก่ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง, บริษัท ธนสรร ไรซ์ และบริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร เพราะเกี่ยวข้องกับนิติบุคคล ที่ทำความเสียหายให้ อคส. และ อคส.ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาฝากเก็บมันเส้น และข้าวสารสต๊อกรัฐ รวมถึงทำผิดสัญญาจ้างตรวจสอบ และรับผิดชอบคุณภาพข้าว
สำหรับ 3 รายที่เหลือ ที่มีสิทธิ์เจรจาต่อรอง แยกเป็นคลังกิตติชัย หลัง 2 ผู้เสนอราคาซื้ออันดับ 2 คือ บี เอ็น เค การเกษตร 2024 กก.ละ 16 บาท และอันดับ 3 ทรัพย์แสงทองไรซ์ กก.ละ 15.61 บาท ส่วนคลังพูนผลเทรดดิ้ง 3,356 ตัน ผู้เสนอราคาอันดับ 2 สหธัญ กก.ละ 18.69 บาท อันดับ 3 บี เอ็น เค การเกษตร 2024 กก.ละ 16 บาท อย่างไรก็ตาม ทีโออาร์ กำหนดว่า หากพบภายหลัง ผู้เสนอซื้อขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม คณะทำงานระบายข้าวสาร สงวนสิทธิที่จะขายได้ และ อคส.จะริบหลักประกันซองเสนอซื้อ 2% ของมูลค่าที่ยื่นเสนอซื้อ ต้องจับตาดูว่า อคส.จะยึดหลักประกันซอง 3 ราย ที่ขาดคุณสมบัติหรือไม่.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่