ปลดล็อกสมรสเท่าเทียม สร้างโอกาสประเทศไทย หมุดหมายหลักนักท่องเที่ยว กลุ่ม LGBTQIA+ ทั่วโลก

หลังจากมีมติเห็นชอบในร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม และการผ่านกฎหมายชนิดนี้จะช่วยส่งเสริมไทยในหลายๆ ด้าน จากข้อมูลของ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ชี้ว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมจะช่วยยกระดับทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ซึ่งที่ผ่านมาการใช้จ่ายของกลุ่ม LGBTQIA+ มีผลอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจ จนเกิดเป็นคำว่า “Pink Economy” หรือ “เศรษฐกิจสีชมพู” ขึ้นมา ด้วยเม็ดเงินมหาศาลที่คนกลุ่มนี้ทุ่มให้กับสินค้าพรีเมียม การท่องเที่ยว และใช้งานบริการต่างๆ จนทำให้เกิดการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดจากกำลังซื้อของกลุ่มนี้จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่สามารถกวาดเม็ดเงินจากคนกลุ่มนี้ได้เป็นลำดับ 1 ของเอเชีย

ไทยเปิดทุกพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ

จากข้อมูลของ World Travel & Tourism Council พบว่าสัดส่วนของนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+ อยู่ที่ประมาณ 10% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูง อีกทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อสูงอยู่ที่ประมาณ 1.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และประเทศไทยเองก็ถูกยอมรับให้เป็นประเทศที่เป็น Friendly Destination สำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ และประเทศไทยเองก็ตอบรับการท่องเที่ยวในทุกรูปแบบ

และนอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากงานเสวนา Pink Power Up Business Forum ซึ่งมีนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญภาคธุรกิจท่องเที่ยวมาพูดคุยถึงโอกาสของประเทศไทยที่จะเติบโตไปกับ Pink Economy ได้มองว่าการท่องเที่ยวไทยเติบโตขึ้นมีความน่าสนใจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบได้ ซึ่งตัวแทนที่มาร่วมพูดคุยนั้น ได้แก่ มนาเทศ อันนวัฒน์ เพรสซิเดนท์ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด, สมศักดิ์ บุญคำ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Local Alike และ ธงนครินทร์ สุขวัฒนชัยวงษ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Prism Festival

Thailand Privilege หรือ ผู้ออกบัตร Thailand Elite Card พบว่า ความสนใจในการเป็นสมาชิกของ Thailand Elite Card มีเพิ่มขึ้น โดยจะมีการมอบสวัสดิการพิเศษให้กับลูกค้าต่างชาติที่ต้องการเข้ามาประกอบธุรกิจ ลงทุน หรือพักผ่อนท่องเที่ยวในระยะยาว โดยจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และมีบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เป็นรัฐวิสาหกิจทำหน้าที่บริหารจัดการ

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอย่าง Local Alike แพลตฟอร์มตัวกลาง สะพานเชื่อมระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยจะการนำเสนอศิลปะ วัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ อาหาร และแหล่งท่องเที่ยวโดยชาวบ้านในพื้นที่เอง

และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ คือ ประเทศไทยมีงานเทศกาลที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งมีตัวแทนจาก Prism Festival มาเข้าร่วม โดย Prism Festival คือ งานเทศกาลดนตรี โดยที่จะมุ่งสนับสนุนไปที่ความหลากหลาย และเฉลิมฉลองให้กับความก้าวหน้าของไทยในเรื่องเพศและความเท่าเทียม

และจากการมีกฎหมายรองรับ จะทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีเครื่องยืนยันและมีการยอมรับในความเท่าเทียม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเหล่านี้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง

บริการดี-เทศกาลพร้อม ททท. เตรียมปั้น Pride Friendly Destination

สำหรับประเทศไทยเอง เรามีประชากรในกลุ่ม LGBTQIA+ อยู่ที่ประมาณ 8% และประชาชนในประเทศก็มีการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ และเดินหน้าขับเคลื่อนให้เกิดกฎหมายสมรสเท่าเทียมมาโดยตลอด

สำหรับการจัดงานเทศกาล ในประเทศไทยมีจัดขึ้นแทบจะทุกจังหวัดและทุกภาคของประเทศ ยกตัวอย่างเทศกาลที่น่าสนใจ เช่น 

• Pride Parade ที่จัดขึ้นทุกปีในช่วง Pride Month
• White Party เทศกาลที่จัดขึ้นทุกๆ ช่วงปีใหม่
• Miss International Queen งานประกวดสาวงามข้ามเพศระดับนานาชาติ

ซึ่งกิจกรรมและเทศกาลเหล่านี้ คือ แรงดึงดูดชั้นดีให้กับเหล่านักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น และยิ่งแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศร่วมกันผลักดันก็จะยิ่งส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ

นอกจากนี้ ทาง ททท. จะเดินหน้านำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยสู่การเป็น Pride Friendly Destination และพร้อมรับการสนับสนุนเป็นเจ้าภาพงาน World Pride 2030 ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรและเปิดกว้างต่อทุกคน.

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney