นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 ก.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% กับสินค้านำเข้าที่ต่ำกว่า 1,500 บาท หรือเก็บภาษีตั้งแต่บาทแรกเป็นวันแรก โดยให้กรมศุลกากรทำหน้าที่ผู้จัดเก็บไปพลางก่อน จนกว่ากรมสรรพากรจะแก้กฎหมายให้เรียบร้อยและมีผลบังคับใช้ ซึ่งหลักการของกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้ต้องการมุ่งเน้นเรื่องรายได้เป็นหลัก แต่ต้องการสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการชาวไทยกับต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาสินค้านำเข้าบางรายการกลับได้รับการยกเว้นทำให้เกิดแต้มต่อทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า เบื้องต้นกรมศุลจะเป็นผู้จัดเก็บภาษีส่วนนี้เป็นการชั่วคราวไปก่อนจนถึงสิ้นปี โดยกระบวนการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่มีมูลค่าไม่เกิน1,500 บาท จะไม่สร้างภาระให้กับประชาชนเพราะวิธีการจัดเก็บภาษี หากมีการจัดส่งผ่านขนส่งเอกชน จะเรียกจัดเก็บจากบริษัทขนส่งของเอกชน โดยไม่ได้ไปเรียกเก็บกับประชาชนที่สั่งซื้อสินค้า ดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่งเอกชนห้ามฉวยโอกาสเรียกเก็บเงินภาษีกับประชาชนปลายทาง ยกเว้นกรณีสินค้าที่มีการจัดส่งทางไปรษณีย์จากต่างประเทศ ซึ่งปกติจะมีปริมาณไม่มากอยู่แล้ว โดยส่วนนี้จะมีการออกใบสำหรับจ่ายภาษีเพิ่มเติม ซึ่งผู้ซื้อสามารถสแกนจ่ายภาษีกับบุรุษไปรษณีย์เพิ่มเติม และรับของไปได้เลย
สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท และมีการนำเข้ามาในไทย คาดว่าทั้งปีน่าจะมีสินค้ากลุ่มนี้นำเข้ามาได้ 30,000 ล้านบาท ทำให้หากกรมจัดเก็บภาษีเต็มปีจะได้เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี และโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้กรมจะหารือกับผู้ประกอบการแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหารือถึงรายละเอียด.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่