แม้จะต้องเจอกับปัญหาวุ่นวายทางการเมืองในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ก็ยังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้กลับคืนมายังประเทศอีกครั้ง ด้วยการทำคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนต่อเนื่องครั้งใหม่
โปรเจกต์ใหม่ และใหญ่คราวนี้คือการให้ ครม.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแก้กฎหมายอนุญาตให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ 90-99 ปี และซื้อคอนโดฯในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นเป็น 75%
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการโหวตของคนต่างชาติซึ่งแม้จะซื้อคอนโดฯได้เพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีสิทธิ์โหวตได้เท่าเดิมคือ ไทย 51% และต่างชาติ 49% ส่วนที่เกินมาไม่ถือว่าได้สิทธิ์โหวต
สำหรับการเช่าที่ดิน ก็ไม่ใช่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ต่างชาติ หรือนายทุน แต่เป็นไปเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจถาวร ซึ่งโดยปกติกฎหมายอนุญาตให้เช่าที่ดินได้ระยะยาว 30 ปี หรือ 50 ปี และต่อได้อีก 50 ปี
การให้เช่าที่ว่านี้ ไม่ใช่เป็นการขายขาด แต่เป็นการให้เช่าระยะยาวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางด้านการลงทุนที่ต้องใช้วงเงินสูงมาก เช่นในหลายประเทศก็เปิดให้ต่างชาติเช่าได้ถึง 150 ปีก็มี
ส่วนรายละเอียดจะให้เช่าอย่างไร ซื้ออย่างไร ขนาดที่ดิน หรือคอนโดฯจำกัดพื้นที่หรือไม่ ต้องรอรายละเอียดจากที่ประชุม ครม. และกระทรวงมหาดไทยเจ้าของกฎหมายที่ดินอีกที
มิสไฟน์ หวังว่า ในสภาพการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน น่าจะสุกงอมพอให้คนไทยเราส่วนใหญ่ยอมรับกติกานี้ได้โดยไม่มากล่าวหากันอีกว่าจะขายชาติ เพราะจริงๆหลายรัฐบาลก็อยากจะทำเรื่องนี้กันมานานแล้ว เพื่อจะเอาเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรให้ได้มากๆ เหมือนกับที่ประเทศมหาอำนาจอื่นๆทำกัน
สภาพเศรษฐกิจวันนี้เป็นอย่างไร เราๆท่านๆเห็นกันอยู่ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ถูกต่างชาติเทขายไปในช่วงครึ่งแรกของปี 67 แล้ว เกือบ 100,000 ล้านบาท
นักลงทุนระดับเซียนหุ้นตัวพ่อถึงกับบ่นออกมาดังๆว่า ท้อแท้ และสิ้นหวังเพราะขณะที่ตลาดหุ้นหลักๆในต่างประเทศปรับตัวขึ้นแล้ว แต่ตลาดหุ้นไทยยังร่อแร่อยู่ จนพบว่าสาเหตุไม่น่าจะใช่ปัญหาชั่วคราว แต่คงจะเป็นปัญหาถาวรจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่แก้ไขได้ยากยิ่ง
โครงสร้างหนึ่งที่กำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักก็คือ โครงสร้างการผลิตในภาคอุตสาหกรรมไทยที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พยายามป่าวประกาศบอกรัฐบาลว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยแข่งขันกับสินค้าจากโรงงานผลิตในประเทศจีนไม่ได้แล้ว เพราะต้นทุนต่ำกว่า และดั๊มพ์ราคาลงมาต่ำๆเพื่อเข้ามาตีตลาดในไทยสำเร็จ จนทำให้โรงงานผลิตในไทยหลายแห่งต้องปิดตัวลง
อุตสาหกรรมที่เคยสร้างประเทศไทยอย่างอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่น ก็กำลังถูกตีตลาดจากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่
ทุกวันนี้ นอกจากค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอย่างซูซูกิ และซูบารุ จะทยอยปิดตัวลงแล้ว ผลของการรับมือไม่ทันกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่ทะลักเข้าไทยจำนวนมาก ยังทำให้เต็นท์รถมือสองของไทยกำลังจะพังครืนลงอีกครั้ง
การเดินหน้าผลิตนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ดี แต่นายกฯเศรษฐา น่าจะหันกลับมาดูปัญหาที่ตามมาหลังบ้านสักนิด ก็จะสามารถช่วยเหลือคนไทยได้อย่างถ้วนหน้าอย่างที่บอกว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง.
มิสไฟน์
คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม