วิตกรายได้ท่องเที่ยววืดเป้า

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าว ปาฐกถาหัวข้อ “ทิศทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย และนโยบายในการส่งเสริมของภาครัฐ” ในการประชุมสมาคมโรงแรมไทย เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.67 พร้อมรับฟังปัญหาของสมาชิกสมาคมว่า รัฐบาลตั้งเป้าหาเงิน 3.5 ล้านล้านบาท ตั้งใจให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทย 36.7 ล้านคน เป็นเป้าหมายที่ใหญ่มาก ขณะนี้ทำได้แล้ว 1.1 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาแล้ว 15 ล้านคน

“เป้าที่ตั้งไว้ค่อนข้างยิ่งใหญ่ ในปีนี้ต้องหาเงินอีก 2.4 ล้านล้านบาท และหานักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 21.7 ล้านคน นับว่า วิตกกับเป้าหมาย ความสำเร็จไม่ใช่นายกฯสั่งแล้วจะสำเร็จได้ ต้องร่วมมือกันทุกคน แต่เมื่อได้รับภารกิจหน้าที่ก็มุ่งมั่นจะทำ และเป็นเหตุผลที่ต้องมารับฟังปัญหาของภาคเอกชน เพื่อประสานงานแก้ปัญหาให้ และไปสู่เป้าหมายความสำเร็จที่ตั้งไว้ด้วยกัน”

ทั้งนี้ จากการรับฟังปัญหาของสมาชิก รับที่จะประสานงานในหลายส่วนตามที่มีการเรียกร้องเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การให้รัฐบาลเจรจากับรัฐบาลเยอรมนีหาทางแก้ปัญหากรณีบริษัท FTI Touristik GmbH บริษัททัวร์ในเยอรมนียื่นล้มละลายต่อศาล โดยยังค้างชำระเงินให้กับโรงแรมของไทย 111 ล้านบาท และเรื่องที่รัฐบาลกำลังพิจารณาให้คนต่างชาติซื้อคอนโดฯเพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 75% ซึ่งกระทบธุรกิจโรงแรมหากปล่อยให้เช่ารายวัน

ตลอดจนโรงแรมที่หัวหิน ขอให้ช่วยดูการต่อใบอนุญาตโรงแรมที่ยื่นขอไป 2 ปีกว่า แต่ยังไม่มีความคืบหน้า และโรงแรมในเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน ร้องว่า แถวคลองหลอดมีแต่คนไร้บ้าน ไม่มีความอุ่นใจ และปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะหน้ากระทรวงมหาดไทย มีสามล้อที่หลอกลวงประชาชนและนักท่องเที่ยว

ด้านนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมได้ถึง 75% เพราะจะเอื้อให้มีการปล่อยห้องเช่ารายวันแข่งกับโรงแรมจนเกิดสงครามตัดราคาที่รุนแรงอยู่แล้วให้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยโรงแรมที่จดทะเบียนถูกต้อง มีต้นทุนบริหารจัดการสูงกว่า เพราะต้องเสียภาษีที่ดิน และอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดขายห้องพักบนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์กว่า 40,000 แห่ง มากกว่าโรงแรมในระบบที่มี 15,000-16,000 แห่งเท่านั้น รวมถึงอยากให้แก้ปัญหาภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่