ประมูลข้าวรัฐ 10 ปี ยังประกาศผลผู้ชนะประมูล 24 มิ.ย.67 ไม่ได้ “ภูมิธรรม” จี้ผู้อำนวยการ อคส.เคลียร์ข้อสงสัย “วีเอท” ผู้เสนอราคาสูงสุดโลละ 19.07 บาท เป็นนอมินี-ฮั้วประมูล-มีเงินพอซื้อข้าวรัฐหรือไม่ ขีดเส้น 7 วันต้องจบ ขณะที่กรมการค้าต่างประเทศ รุกทำตลาดข้าวไทยในจีน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐ 15,000 ตัน ที่เลื่อนประกาศผลผู้ชนะประมูลจากวันที่ 21 มิ.ย.67 เป็นวันที่ 24 มิ.ย.67 ว่า วันที่ 24 มิ.ย.67 องค์การคลังสินค้า (อคส.) ยังไม่ได้ประกาศผล เพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้เสนอราคาสูงสุดคือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 19.07 บาท เป็นนอมินีใครหรือไม่ มีการฮั้วประมูลหรือไม่ เพราะมีทุนจดทะเบียนบริษัท 2 ล้านบาท และงบดุลปี 66 ล่าสุด มีเงินหมุนเวียน 1-2 ล้านบาท จึงเกิดข้อสงสัยว่าจะซื้อข้าวรัฐมูลค่าตามที่เสนอซื้อสูงถึงกว่า 286 ล้านบาท ได้จริงหรือไม่ ต้องคลายความสงสัยเรื่องนี้ให้จบก่อน
ดังนั้น ตนได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการ อคส. ขอให้ตรวจสอบเรื่องทั้งหมด โดยให้เวลา 7 วันทำการ เริ่มวันที่ 24 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป ขอให้ทำให้ชัดเจน ถ้าชัดเจนแล้ว ก็รีบดำเนินการขั้นต่อไป ซึ่งคณะกรรมการรับซอง เปิดซอง และต่อรองราคา จะเป็นผู้พิจารณามองว่าราคาเสนอซื้อที่ กก.ละ 19 บาท ถือว่าสูง
“ไม่ต้องการให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเป็นการฮั้วกันของรัฐ ถ้าตรวจสอบแล้ว ไม่มี ก็ปล่อย แต่พบเป็นนอมินี หรือไม่มั่นใจจะขายของได้ คณะกรรมการก็ต้องพิจารณา ขณะนี้อยู่ในขั้นต่อรองราคากับผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดรายที่ 1 แต่รายที่ 1 ถูกวิจารณ์ว่าเล่นละคร ฮั้วกันมา ก็ต้องให้ผู้อำนวยการ อคส. ไปตรวจสอบ เมื่อไม่มีปัญหาแล้ว ก็ทำตามทีโออาร์ตามกฎหมายต่อ ถ้ามีปัญหา ผิดทีโออาร์ คณะกรรมการต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัดตามทีโออาร์ ตามกฎหมาย ตอนนี้อยู่ที่วีเอทต้องพิสูจน์ตัวเอง”
สำหรับกรณีที่วีเอททำหนังสือยืนยันการเสนอราคากับ อคส.ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ยังไม่ได้ต่อรอง ยังไม่ได้เรียกรายอื่นๆมาเจรจา ถ้าเขายืนยัน เราพอใจ และพิสูจน์ได้ว่าไม่มีนอมินี ไม่มีปัญหาก็ประกาศผลประมูลได้ ส่วนการเรียกรายอื่นมาเจรจาต่อรอง ต้องไปดูทีโออาร์ว่า ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ ก็เรียกมาได้ถ้ารายที่ 1 มีปัญหา แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องประมูลใหม่ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการจะพิจารณา ทุกอย่างเป็นผลประโยชน์ของประเทศ ต้องทำให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายศุภชัย วรอภิญญา ภรณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด ที่เสนอราคาซื้อข้าวสาร 10 ปี เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.67 สูงเป็นอันดับ 2 ที่ กก.ละ 18.01 บาท และมีข่าวว่า หลังการเจรจาต่อรอง ธนสรร ไรซ์ได้เพิ่มราคาให้เป็น กก.ละ 22 บาทว่า ตนยังไม่เคยพูดเรื่องราคาที่เสนอซื้อว่าเพิ่มเป็น กก.ละ 22 บาท เห็นจากข่าวก็งงว่ามาได้อย่างไร แต่ยอมรับว่าคณะกรรมการได้ติดต่อมาให้เพิ่มราคาเสนอซื้อขึ้นอีก ตนก็ส่งหนังสือเสนอราคาใหม่เข้าไป แต่บอกไม่ได้ว่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไร และไม่รู้ด้วยว่าคณะกรรมการต่อรองราคากับผู้ซื้อรายใดอีก
แต่หากจะให้เพิ่มราคาอีกเป็นครั้งที่ 3 ต้องดูก่อนว่า บริษัทจะได้คำสั่งซื้อจากต่างประเทศหรือไม่ หากตลาดไปได้ ก็พร้อมสู้ “ถ้าตลาดไปได้ ก็อาจขยับราคาขึ้นได้อีก ซึ่งจะขายเป็นข้าวหอมมะลิเก่า ไม่ผสมกับข้าวใหม่ แต่แม้จะขายเป็นข้าวหอมมะลิเก่า ก็ต้องปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรฐานส่งออกก่อน ไม่ใช่เทกองออกมาแล้วแพ็กส่งออกเลย”
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12-15 มิ.ย.67 ได้นำสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเยือนเมืองกวางโจว จีน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า สร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานข้าวไทย และกระตุ้นส่งออกไปจีน ทั้งนี้ ผู้นำเข้าข้าวจีนแจ้งว่า ความต้องการบริโภค ข้าวลดลง โดยเฉพาะในคนรุ่นใหม่ อีกทั้งรัฐบาลส่งเสริมการผลิตข้าวในประเทศ และพัฒนาพันธุ์ข้าวหอมต่อเนื่อง ทำให้ราคาข้าวจีน โดยเฉพาะข้าวหอมถูกกว่าข้าวหอมมะลิไทย ทำให้การนำเข้าจากต่างประเทศ และไทยลดลง จึงเสนอให้ไทยประชาสัมพันธ์ข้าวในจีน ผ่าน TikTok หรือ WeChat Channel.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่