ภายใต้การคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย จะดึงดูด นักท่องเที่ยวต่างชาติ กลับมาได้กว่า 40 ล้านคน เทียบเท่าช่วงปี 2562 ในเร็วๆ นี้ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านคน ภายในปี 2571
นี่เองได้กลายเป็นเรื่องขับเคลื่อน ที่น่าจับตามอง สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ผูกโยงกับจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ อย่าง “อสังหาฯ ภูเก็ต” โดยเฉพาะกลุ่มโครงการแบรนด์เนม เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อ ได้หันมาสนใจอาศัยอยู่ในประเทศไทย แบบระยะยาว
ซึ่งท่ามกลางความร้อนแรงของมูลค่าการลงทุนใหม่ ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สวนกระแส ภาพรวม ตลาดบ้าน-คอนโดฯ ในทำเลกรุงเทพฯ และภูมิภาคอื่นๆ นั้น ล่าสุด ในบทวิเคราะห์ ของ C9 Hotelworks บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ระดับเอเชีย รายงานว่า ปัจจุบัน มูลค่าอสังหาฯ แบรนด์เนมในภูเก็ต ได้พุ่งสูงแตะระดับ 80,000 ล้านบาท (2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ดันให้ ภูเก็ต กลายเป็นตลาดอสังหาฯแบรนด์เนม ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองลงมาจากดูไบ มหานครนิวยอร์ก และไมอามี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยิ่งดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มทุนต่างๆ
เจาะที่ดินริมชายหาดในบางเทา ภูเก็ต ได้พุ่งสูงเกิน 100 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 14 เท่าจาก 7.5 ล้านบาทในปี 2547 ตามรายงานโดยกรมที่ดินของไทย
C9 Hotelworks ยังรายงานว่า ตลาด Branded Residences ในภูเก็ต มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก ตั้งแต่ช่วงปลายปีของการแพร่ระบาดโควิด โดยมีการเพิ่มยูนิตใหม่เข้าสู่ตลาดรวม 2,102 ยูนิต ตั้งแต่ปี 2564 ถึงปี 2566 เพิ่มขึ้น 179% เมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
คอนโดมิเนียม ครองส่วนแบ่งการตลาดของภูเก็ตอยู่ที่ 59% โดยมีราคาเฉลี่ยต่อยูนิตที่ 11.7 ล้านบาท ในขณะที่ วิลล่า มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 120 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าวิลล่าจะมีสัดส่วนเพียง 6% ของตลาด แต่คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 41% ของตลาดทั้งหมด
ขณะล่าสุด มีรายงานข่าวว่า โครงการดัง อย่าง MELIÁ PHUKET KARON RESIDENCES โครงการที่พักอาศัยหรูระดับไฮเอนด์ รูปแบบคอนโดฯ และ พูลวิลล่า พัฒนาโดย บริษัท มิชาริ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งให้บริการระดับ 5 ดาว โดย Meliá Hotels International มูลค่าโครงการรวม 4.5 พันล้านบาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก คอนโดฯ และพูลวิลล่า 60% ได้ถูกขายล่วงหน้าไปแล้ว สะท้อนถึงความร้อนแรงของดีมานด์
อย่างไรก็ตาม การลงทุนมหาศาลในภูเก็ต ที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือด ทำให้ทำเลใกล้เคียงได้รับอานิสงส์ และเริ่มเห็นการลงทุนใหม่ๆ ไหลเข้ามา
อย่างทำเล "สิชล" จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งถูกชูว่าเป็นทำเล "อัญมณีลับในไทย" ที่อยู่พื้นที่ชายฝั่งทะเลอันสวยงาม เช่นเดียวกับมุมมองของ บริษัท บันยันกรุ๊ป ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ดำเนินงานอสังหาริมทรัพย์แบรนด์เนมที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก โดย Savills Research
ได้ร่วมมือ กับ บริษัท อุรัสยา พร็อพเพอร์ตี้ ในโครงการใหม่ที่ “สิชล” ซึ่งเป็นทำเลติดชายหาดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ภาตใต้โครงการ “บันยันทรี เรสซิเดนซ์ สิชล” (Banyan Tree Residences Sichon) มีกำหนดเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2567 นี้
ปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากราคาที่ดินที่ดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาสู่สิชล ได้แก่ การเปิดใช้งานอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศแห่งใหม่ที่สนามบินนครศรีธรรมราช แนวโน้มการทำงานจากทุกที่ (Work from Anywhere) และแรงกดดันด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุน
ทำเลดังกล่าว ยังมีบริการด้านการศึกษา สุขภาพ และร้านค้าปลีกสากลที่สามารถเดินทางไปถึงได้ภายในรัศมี 30-40 นาที ในขณะเดียวกัน ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสวยงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางมาประเทศไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เป็นต้น
ที่มา : C9 Hotelworks
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney