“ภูมิธรรม” สั่งตรวจสอบ “บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด” ผู้เสนอราคาซื้อข้าวสาร 10 ปี สูงสุด และน่าจะชนะประมูล เหตุพบเพิ่งจดทะเบียนไม่นาน มีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท แต่ประมูลซื้อข้าวรัฐสูงถึงกว่า 286 ล้านบาท ยืนยันไม่สบายใจเรื่องที่เกิดขึ้น ลั่นถ้าพบผิดปกติอาจไม่ประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูล 21 มิ.ย.นี้ และหาแนวทางดำเนินการต่อ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกระแสข่าวกรณีที่ ผู้เสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล (ข้าวสาร 10 ปี) ในราคาสูงสุดและอาจเป็นผู้ชนะการประมูล คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งพบว่า เพิ่งจดทะเบียนนิติบุคคลเมื่อไม่นานมานี้ และยังมีสินทรัพย์น้อย ไม่ครอบคลุมราคาซื้อข้าวรัฐที่สูงถึงกว่า 286 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบบริษัทดังกล่าวแล้ว หากเป็นไปตามข่าวจริง ก็ต้องหารือกับบริษัทว่า มีสถานะทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อข้าวรัฐหรือไม่ และต้องดูข้อกฎหมายว่า จะจัดการอย่างไรได้ รวมถึงตนจะหารือกับคณะกรรมการรับซอง เปิดซอง ต่อรองราคา จะดำเนินการอย่างไรต่อ เพราะต้องใช้มติคณะกรรมการฯมาพิจารณาด้วย
สำหรับบริษัทนี้เป็นผู้ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการประมูลข้าวรัฐได้ แต่ข่าวที่ออกมาพบว่า บริษัทนี้มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และมีเงินใช้จ่าย 1-2 ล้านบาท แต่มาประมูลข้าวราคาสูงนั้น ทำให้ตนไม่สบายใจ และไม่มั่นใจว่า จะทำให้การประมูลข้าวครั้งนี้สำเร็จหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนมีหน้าที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายน้อยที่สุด และได้ผลประโยชน์กับประเทศมากที่สุด ซึ่งหากผลการตรวจสอบออกมาว่า บริษัทผิดปกติจริง ก็อาจจะยังไม่ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ตามกำหนด และคงหาแนวทางดำเนินการต่อไป
“การพิจารณาคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมประมูล อิงตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) และประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับสูงสุด หากไม่มั่นใจสถานะของบริษัท ก็ต้องไปพูดคุยกับคณะกรรมการรับซองฯ และดูข้อกฎหมายว่าจะจัดการอย่างไรได้ ผมไม่สบายใจจริงๆ”
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า ตามปกติในการประมูล เราพิจารณาคนให้ราคาสูงสุดเป็นหลัก ส่วนคุณภาพและความสามารถในการดำเนินการได้ เราก็ให้ความสำคัญเช่นกัน ขณะนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องประเมิน หากบริษัทเป็นตามข่าวจริง ก็ต้องหารือกันว่า สถานะทางการเงินเพียงพอที่จะซื้อข้าวรัฐหรือไม่ และอาจมีการเจรจาต่อรองราคากัน แต่อย่างไรก็ตาม ราคาเสนอซื้อจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาที่เสนอมาแล้ว ตนยอมให้ราคาต่ำกว่านี้ไม่ได้ หรืออย่างน้อยที่สุด ก็ต้องไม่ต่ำกว่าราคาของผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดเป็นลำดับ 2 และ 3
เมื่อถามต่อว่า จะมีบทลงโทษหรือไม่อย่างไร หากตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวผิดปกติ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงยาก เพราะเขามาประมูลตามสิทธิ์และเสนอราคาสูงสุดอันดับ 1 เราก็พิจารณาเขา แต่เรามีสิทธิ์พิจารณาว่า บริษัทดังกล่าวมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการหรือไม่ ส่วนเมื่อถามว่า บริษัทนี้จะเข้ามาฮั้วประมูลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า อาจจะมีฮั้วก็ได้ ซึ่งตนไม่แน่ใจ ถ้าตรวจสอบว่ามีการฮั้วประมูลก็ต้องผิดกันทั้งหมด ทั้งผู้ฮั้ว ผู้ถูกฮั้ว ตนจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“ผมอยากให้ข้าวได้ระบายออก แต่ถ้าบริษัทที่มาประมูลข้าวแล้วมีความเป็นไปได้ยาก หรือเกิดกระบวนการอะไรที่ทำให้ข้าวมีปัญหา หรือคิดว่าไม่ดี ผมก็จะขออำนาจในการตรวจสอบอย่างเต็มที่ หากเราไม่มั่นใจว่าจะทำโครงการนี้สำเร็จหรือไม่ ก็สามารถเรียกทบทวนโดยพูดคุยกับกรรมการประมูล โดยหลักการการประมูลใช้ราคาเป็นหลัก แต่คุณภาพและความสามารถการดำเนินการเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนต้องประเมิน อาจมีการต่อรองราคากัน แต่ราคาต้องไม่ต่ำกว่านี้ยอมไม่ได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่าประชาชนกังวลว่าการประมูลข้าวครั้งนี้ อาจนำข้าวเก่าที่ประมูลได้มาปนกับข้าวปัจจุบัน นายภูมิธรรมตอบว่า ถ้าดูตามกระบวนการต้องยอมรับว่าข้าวนี้ได้พิสูจน์แล้วจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเอกชน รวมถึงคนที่มาประมูล เมื่อประมูลแล้ว ผู้ประมูลต้องเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว มีองค์การอาหารและยา(อย.) และอีกหลายหน่วยงานมาตรวจสอบ การส่งออกหรือนำออกมาขายจะต้องมีคณะกรรมการตรวจสอบ อย่ากังวลเรื่องนี้ ความกังวลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่เคยบอกว่ามีความพยายามด้อยค่าราคาข้าว ทำให้การกระจายข้าวครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ เป็นเรื่องไม่ดี อยากให้เห็นแก่ประเทศบ้าง.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่