“หากโลกแบ่งขั้วรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจ และ การค้าโลก จะปรับแย่ลง" นี่คือข้อสรุปจากผลการศึกษาของ IMF ที่เกี่ยวกับ การตั้งกำแพงภาษี ระหว่างขั้วสหรัฐฯ และจีน ว่าอาจส่งผลทำให้มูลค่าการส่งออกรวมของโลกหายไปถึง 10.5%
สะท้อนภาพความน่ากังวลว่า “เศรษฐกิจไทย” จะได้รับผลกระทบอย่างไร? หากการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจทวีความรุนแรงขึ้น
SCB EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้ว่า นับวันปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยิ่งทวีความรุนแรง โลกข้างหน้าจะเห็นการชะลอตัวของโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) และโลกแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากระเบียบโลกใหม่กำลังเปลี่ยนทิศจากมหาอำนาจขั้วเดียวที่นำโดยสหรัฐฯ มาเป็นมหาอำนาจหลายขั้ว เช่น จีน อินเดีย หรือกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ
มีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ รวมถึงลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ และสร้างกลไกทางการเงินเพื่อช่วยเหลือทางการเงินในยามวิกฤติ ขณะผลการเลือกตั้งใหญ่กว่า 60 ประเทศที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ โดยเฉพาะการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย.
SCB EIC ประเมินว่า จะมีผลกระทบอย่างมากต่อความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการค้าโลก เพราะจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์จะยิ่งเน้นประโยชน์ของสหรัฐฯ มากขึ้น ทำให้คาดเดาทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้ยากขึ้น และสหรัฐฯ จะยิ่งมีท่าทีแข็งกร้าวกับจีนและกลุ่มพันธมิตรของจีนมากขึ้นอีกด้วย
คำถามสำคัญ คือ เศรษฐกิจไทยจะอยู่ตรงไหน? ในสมการโลกแบ่งขั้วมากขึ้นเช่นนี้ ภายใต้ 3 ประเด็นใหญ่ๆ
เมื่อลองแบ่งกลุ่มประเทศในโลกออกเป็น 3 กลุ่ม จะได้แก่
“สมมุติฐานที่เกิดขึ้นคือ ผู้ส่งออกจากประเทศที่แบ่งขั้วจะปรับตัวด้วยการหันไปขายสินค้าให้ผู้ซื้อภายในประเทศแทน หรือหันไปขายสินค้าภายในกลุ่มประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์เหมือนกัน และหันไปขายสินค้าให้ประเทศที่มีจุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นกลาง”
จริงอยู่ที่อาจมีความเป็นไปได้ว่า ประเทศที่เป็นกลาง (รวมไทย) จะได้อานิสงส์จากการเบี่ยงเบนทางการค้า แต่การเบี่ยงเบนทางการค้าอาจไม่ได้มีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะสินค้าส่งออกจากประเทศแบ่งขั้วอาจเข้ามาตีตลาดภายในประเทศที่เป็นกลางมากขึ้น
SCB EIC จึงชี้ว่า ไทยเองจึงต้องเร่งวางกลยุทธ์ในการปรับตัวเชิงรุก เพราะเดิมมีปัญหาเชิงโครงสร้างการผลิตที่เป็นปัญหาสะสมมานาน ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาความสามารถในการแข่งขันสินค้าของไทยมีจำกัด เพราะส่วนใหญ่ยังผูกโยงกับการผลิตของโลกเก่า
ฉะนั้น ไทยจะคว้าโอกาสนี้ได้ ภาคธุรกิจต้องปรับตัวตามบริบทเฉพาะของสินค้าแต่ละประเภทที่อาจได้ หรือเสียประโยชน์ แตกต่างกัน 4 กลุ่ม ดังนี้
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความขัดแย้งยังมีโอกาสที่ไทยจะคว้าประโยชน์ได้ หากภาครัฐและภาคธุรกิจตระหนักถึงโลกที่กำลังเปลี่ยนไปรวดเร็วและปรับตัวเชิงรุก เพื่อให้การส่งออกไทยอยู่รอดได้ทั้งในสถานการณ์ “โลกรวมกันเราก็อยู่” หรือแม้ “โลกแยกหมู่ไทยก็ยังรอด”.
ที่มา : SCB EIC
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney