"คงกระพัน" นำ ปตท.รับแผน PDP ดันพลังงานสะอาด! พาไทยสู่เป้า Net Zero

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"คงกระพัน" นำ ปตท.รับแผน PDP ดันพลังงานสะอาด! พาไทยสู่เป้า Net Zero

Date Time: 15 มิ.ย. 2567 05:45 น.

Summary

  • ปตท.ยืนยันพร้อมรับนโยบาย “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศปี 2567–2580 หรือ PDP 2024” ฉบับใหม่ เตรียมผลักดันการใช้ไฮโดรเจนในประเทศ ชี้เป็นพลังงานสะอาดช่วยให้ไทยก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เผยทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจตามแผนลงทุน 5 ปีใหม่ คาดมีความชัดเจน ก.ย.–ต.ค.นี้

Latest

HSBC ชี้เศรษฐกิจไทยโตกว่าที่คิด หลังรัฐเร่งลงทุน กระตุ้นบริโภค ต่างชาติเชื่อมั่น จ่อลงทุนไทยเพิ่ม

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.พร้อมรับนโยบายรัฐบาลมาปฏิบัติในเรื่องพลังงาน เพื่อร่วมผลักดันให้เป็นไปตาม “แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยปี 2567-80 หรือ PDP 2024” ฉบับใหม่ โดยเฉพาะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้มากขึ้นในสัดส่วน 51% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดย ปตท.เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ ต้องมีบทบาทผลักดันการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในประเทศ และผลักดันโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Capture and Storage (CCS) (ในร่างแผน PDP 2024 กำหนดสัดส่วนการใช้ไฮโดรเจน 5% ไปผสมในเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ สำหรับผลิตไฟฟ้า) เนื่องจากไฮโดรเจนเป็นพลังงานสะอาด จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อทำให้ไทยก้าวสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี 2608 และ CCS จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคต

ปัจจุบัน ปตท.ได้ลงทุนในแหล่งไฮโดรเจนในต่างประเทศเพื่อศึกษาและเรียนรู้เทคโนโลยี หากเริ่มมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ปตท.พร้อมลงทุนเพิ่ม รวมถึงจะขยายการใช้ไฮโดรเจนไปสู่ธุรกิจโมบิลลิตีด้วย “ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ผันผวน ปตท.ได้ช่วยเหลือประชาชน โดยควบคุมราคาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ที่ผ่านมา ปตท.ได้นำน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์มาผสมในดีเซล ช่วยแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ และให้ผลประโยชน์ไปถึงเกษตรกรโดยตรงมากที่สุด”

คงกระพัน อินทรแจ้ง
คงกระพัน อินทรแจ้ง

ส่วนกรณีที่ภาครัฐเดินหน้าผลักดันความร่วมมือในการสำรวจปิโตรเลียมในแหล่งพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) ปตท.จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับภาครัฐแน่นอน เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงทางพลังงานชาติในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติจะนำนโยบายรัฐบาลมาดำเนินการให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจ โดยคำนึงถึงประชาชน ผู้มีส่วนได้เสียบนพื้นฐานความสมดุล ทั้งความมั่นคงทางพลังงาน กำไรที่เหมาะสม และคำนึงถึงสังคม สิ่งแวดล้อม

นายคงกระพันกล่าวว่า สำหรับด้านธุรกิจ ปตท.เตรียมทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจตามแผนการลงทุน 5 ปีใหม่ (2568-72) ในเดือน ส.ค.นี้ โดยนำเสนอให้คณะกรรมการ ปตท.อนุมัติ คาดจะเห็นความชัดเจน ก.ย.-ต.ค.นี้ โดยทิศทางและกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท. จะเน้นสร้างความมั่นคงพลังงาน สร้างการเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593

ทั้งนี้ แบ่งธุรกิจเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Hydrocarbon and Power ประกอบด้วย 1. ธุรกิจสำรวจและผลิต สร้างความต่อเนื่อง มั่นคงทางวัตถุดิบ จัดหา source ใหม่ที่มีต้นทุนต่ำ สร้างผลตอบแทนที่ดี และต้องสร้างการเติบโต Hydrocarbon ควบคู่กับการทำ Decarbonization 2.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเดิม ซึ่งต้องมีความ Competitive และ Lean แสวงหา Alternative Source ทั้ง Pipe gas และ LNG และมีต้นทุนที่แข่งขันได้ และต้อง Alignment การทำงานร่วมกับภาครัฐ 3.ธุรกิจไฟฟ้า ภารกิจหลักคือ สร้างความมั่นคง และรักษา Reliability ให้กลุ่ม ปตท. พร้อมจัดหาพลังงานสะอาดเพื่อช่วย Decarbonization & Net Zero ของกลุ่ม ปตท. และหาโอกาสสร้างการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ 4.ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น สร้างความแข็งแรง เติบโตร่วมกับ Strategic Partner รวมทั้ง Competitiveness ด้าน Cost & Feedstock Flexibility ต้องมีการ Synergy Enhancement and Optimization ทั้งกลุ่ม ปตท.รวมถึงมุ่งเน้นสร้างการเติบโตใน High Value & Low Carbon Business 5.ธุรกิจค้าปลีก เน้นการลงทุนที่มี Substance มีความสำคัญต่อผลประกอบการและเป็นประโยชน์ต่อสังคม แต่ Asset light 6.ธุรกิจค้าระหว่างประเทศ สร้าง Synergy ในกลุ่ม ปตท.ยกระดับขยายผลทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Non-Hydrocarbon Business ที่เป็น New S-Curve หรือธุรกิจใหม่ มีหลักในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้ กลยุทธ์ที่ทำเรื่อง รถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี/Life Science & Healthcare /Digital มีความสอดคล้องกับ Global Megatrends แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว องค์กรจึงต้องปรับตัวเร็ว และต้อง Revisit value chain ว่าพื้นที่ใดมีความน่าสนใจ มีอนาคต และเป็นประโยชน์ต่อ ปตท. และประเทศไทย หรือพื้นที่ใดที่ ปตท.มีจุดแข็งสามารถ Synergy ในกลุ่ม ปตท. เพื่อที่จะสร้างความแตกต่างได้ ประกอบด้วย ธุรกิจ อีวีและโลจิสติกส์ เป็นต้น.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ