เพราะเคยนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาโครงการก่อสร้างแลนด์บริดจ์มาตั้งแต่ต้น ชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม จึงอธิบายถึงความจำเป็นของโครงการนี้ได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล จนคนร้อยทั้งร้อยเห็นคล้อยตาม
คุณชยธรรม์บอกว่า โครงการแลนด์บริดจ์ไม่ใช่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นการทำให้จุดที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งได้เปรียบมาก สร้างให้เกิดศักยภาพแห่งการเป็นศูนย์กลางการเดินเรือสำคัญอีกเส้นทางหนึ่ง “ประเทศไทยตั้งอยู่ตรงกลางของ 2 คาบสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก มีจุดที่แคบที่สุด ไม่ถึง 100 กิโลเมตร ระหว่างชุมพร-ระนอง แต่เรายังไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์”
ส่วนรูปแบบการลงทุน รัฐบาลไทยไม่ได้ลงทุนเองเพราะกำลังเงินไม่พอ จึงชวนผู้ประกอบการทั่วโลกเข้ามาลงทุน ส่วนที่กังวลกันว่า ทำเป็นสะพานแลนด์บริดจ์แล้ว จะมีปัญหาการขนถ่ายสินค้า ขนขึ้นจากอีกฝั่งข้ามสะพานไปขนลงเรืออีกรอบจะยุ่งยากนั้น ปัจจุบันใช้เทคโนโลยีช่วยได้
“40 ปีก่อน ถ้าไม่มีโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่ช่วยพลิกประเทศจากเกษตรกรรมไปสู่อุตสาหกรรม รองรับการลงทุนด้านพลังงาน หรือ 20 ปีที่แล้ว ถ้าไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ เราจะเอาสนามบินไหนรองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา”
“ในอีก 10–20 ปีข้างหน้า ถ้าไม่ทำแลนด์บริดจ์ คุณคิดว่าลูกหลานจะถามไหมว่า พวกเรามัวทำอะไรอยู่”.
คลิกอ่านคอลัมน์ “รู้ทุกเรื่อง” เพิ่มเติม