นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษายกฟ้องในคดีกรณีบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซีได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ถือเป็นคดีสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นพิพาท สำหรับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบาง ขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และมีผลคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ส่งผลให้คดีในศาลปกครองทุกคดีเกี่ยวกับประเด็นพิพาทการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ มีคำพิพากษาถึงที่สุดทุกคดีแล้ว
ในลำดับต่อไป การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ ไทย (รฟม.) จะเสนอผลการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนต่อไปตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยกระทรวงมีเวลาในการพิจารณา 30 วัน ก่อนนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“เมื่อ ครม.มีมติให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชน และเงื่อนไขสำคัญของสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแล้ว คาดว่า รฟม.จะลงนามในสัญญาร่วมลงทุนได้ในเดือน ต.ค.นี้ โดยมีแผนเปิดให้บริการโครงการสำหรับส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในเดือน พ.ค.2571 และเปิดให้บริการโครงการตลอดทั้งเส้นทาง ตั้งแต่ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เดือน พ.ย.2573
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร (กม.) โดยส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กม. จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) ส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กม. จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่