นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีและอนุมัติหลักการร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ และเพื่อกำหนดการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดา ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการท่องเที่ยวและการจัดอบรมสัมมนาในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง และจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ภายในประเทศช่วงโลว์ซีซั่น ตั้งแต่เดือนพ.ค.-พ.ย. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา เพื่อเป็นเรื่องเร่งด่วน
“อย่างที่เราทราบกันดีว่าก่อนที่งบประมาณจะถูกนำออกมาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องการท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ซึ่งเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ประชุมกับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยมีการประสานงานการจัดงานเฟสติวัลต่างๆในเมืองรอง โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น ทั้งนี้ คลังได้ประเมินว่าจะมีการสูญเสียรายได้จากภาษี 1,500 ล้านบาท มั่นใจหากรัฐบาลช่วยอย่างเต็มที่ จะเก็บภาษีได้มากกว่า 1,500 ล้านบาท”
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า สำหรับมาตรการทางภาษี 2 มาตรการ คือ 1. มาตรการภาษีกระตุ้นสัมมนาในประเทศ (สำหรับนิติบุคคล) โดยนำรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการอบรมสัมมนาภายในประเทศ ที่จัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-30 พ.ย.67 โดยหักรายจ่ายได้ 2 เท่าสำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดใน “จังหวัดท่องเที่ยวรอง” หรือในเขตพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นใดที่อธิบดีกรมสรรพากรและ หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สำหรับการอบรมสัมมนาที่จัดในท้องที่อื่น
ส่วนมาตรการที่ 2 คือ มาตรการภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง สำหรับบุคคลธรรมดา สามารถนำค่าบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว หรือที่ได้จ่ายเป็นค่าที่พักในโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทยหรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวใน “จังหวัดท่องเที่ยวรอง” ได้ตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 15,000 บาท หักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดำเนินมาตรการข้างต้นจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ 1,781.25 ล้านบาท.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่