มาแล้ว! ของจริง โฆษกรัฐบาลเผยจะได้รับเงินแจก 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มแจกกลุ่มเปราะบาง 14.98 ล้านคนก่อนกลุ่มอื่น เป็นกลุ่มแรกภายใน 30 ก.ย.2567 เพราะกฎหมายระบุชัดงบกลางปี วงเงิน 122,000 ล้านบาทต้องใช้จ่ายภายในปีงบประมาณเท่านั้น ชี้ต้องเร่งเปิดรับลงทะเบียน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ วงเงิน 122,000 ล้านบาท สำหรับเป็นงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ โดยมีแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการ เพิ่มเติม 10,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 112,000 ล้านบาท โดยจะนำไปดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต
อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้ระบุว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2567 เห็นชอบแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พ.ค.256 7 เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568 -2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 จึงได้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ 2561 เนื่องจากมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561 กำหนดให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้กระทำได้เมื่อมีเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินระหว่างปีงบประมาณ ไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณถัดไปได้ และให้ระบุที่มาของเงินที่จะใช้จ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม
ดังนั้น การดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะต้องลงทะเบียนผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการให้ทันภายในปีงบประมาณ 2567 เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมได้ทันภายในวันที่ 30 ก.ย.2567 และสอดคล้องตามมาตราดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการทันภายในปีงบประมาณ 2567 จึงอาจพิจารณาผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการที่เป็นประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.98 ล้านคน ตามขั้นตอนในโอกาสแรกก่อน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ใช้เงินจาก 3 แหล่งเงิน ได้แก่
1.การบริหารงบประมาณปี 2567 175,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ได้ออกงบกลางปี 122,000 ล้านบาท
2.การดำเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐ 172,300 ล้านบาท
และ 3.งบประมาณ ปี 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท
และมีมติเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2567 เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 ประกอบกับตามปฏิทินงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 กำหนดให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบนโยบายงบฯ วงเงินงบฯ และโครงสร้างงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 ในวันที่ 4 มิ.ย.2567 ทั้งนี้ วงเงินงบฯ เพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท เมื่อรวมกับงบประมาณ ปี 2567 จำนวน 3,480,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงิน 3,602,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ 2566 จำนวน 417,000 ล้านบาท หรือ 13.1% ซึ่งเท่ากับกรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบฯ 2568-2571) ฉบับทบทวน ครั้งที่ 2 และสำหรับงบลงทุนฯ และงบฯ ชำระคืนต้นเงินกู้ มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนดตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ 2561
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลโพลสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ระบุกลุ่มธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม (SME) กังวลสิทธิเบิกจ่ายจึงสนใจเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตน้อยลงว่า จุดประสงค์ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อสนับสนุนกลุ่ม SME โดยเฉพาะ SME รายย่อย ยังขาดกำลังซื้อ SME จึงเรียกร้องให้มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยอัดฉีดเม็ดเงินลักษณะนี้ ดังนั้นเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบในระยะเวลาที่กระชับ กระจายไปหลายพื้นที่ เป็นผลดีต่อ SME สอดคล้องแนวคิดของรัฐบาลและข้อเรียกร้อง SME เมื่อถามว่า รัฐบาลจะประชุมเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ลงทะเบียนร้านค้าในช่วงใด นายเผ่าภูมิตอบว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลฯได้ประชุมทุกสัปดาห์ ในสัปดาห์นี้ก็จะประชุมต่อเนื่อง ขณะนี้กำลังจะประชุมระบบ Open loop เพื่อให้ระบบธนาคารหรือ แอปพลิเคชันธุรกิจกระเป๋าเงินต่างๆ เชื่อมต่อกัน.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่