“เสริมศักดิ์” เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน แอตต้าหวั่นยกเว้นวีซ่า 60 วันต่างชาติจะแย่งงานคนไทย

“เสริมศักดิ์” ยันสานต่อเก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ “แอตต้า” ชี้รัฐเพิ่มประเทศที่ให้สิทธิ์ยกเว้นวีซ่าช่วยเอื้อธุรกิจท่องเที่ยว แต่ให้พำนักนาน 60 วัน สุ่มเสี่ยงต่างชาติจะเข้ามาแย่งอาชีพคนไทย เผยเป้ารายได้ของนายกฯ 3.5 ล้านล้านบาท เหนื่อย เพราะ 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ต้องทำให้ได้ 3 เท่า

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าค่าเหยียบแผ่นดิน หรือค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในอัตรา 300 บาทต่อครั้ง สำหรับการเดินทางทางอากาศและ 150 บาทต่อครั้ง สำหรับการเดินทางผ่านทางทางบกและทางน้ำ โดยจะสานต่อเรื่องนี้ ไม่น่าจะหยุด แต่ต้องเข้าไปดูว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร มีเจ้าหน้าที่พิจารณารายละเอียดอยู่แล้ว ส่วนที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งการให้ชะลอการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินไว้ก่อนนั้น จะให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูรายละเอียด

สำหรับยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า-ฟรี) 93 ประเทศ กระทรวงจะต่อยอดส่งเสริมและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยว โดยจะรีบทำแผนงานออกมา ส่วนกรณีประเทศไทยถูกปรับลดอันดับในด้านการพัฒนาการเดินทางและการท่องเที่ยว ที่ลดต่ำลงกว่าก่อนเกิดโควิด-19 แม้ในด้านการท่องเที่ยวและการทำตลาดจะยังสามารถไปได้ดี ยอมรับว่าโครงสร้างพื้นฐานของไทยมีปัญหาจริงในบางจุด หากพบปัญหาในด้านใดจะเร่งรีบเข้าไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะทุ่มเททำอย่างสุดกำลังความสามารถ ซึ่งเชื่อมั่นว่าเราทำได้ และเราทำมาแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เราเพิ่งเป็นรัฐบาลได้ยังไม่ถึงปี โดยจะเห็นความชัดเจนในความสามารถของรัฐบาลได้อย่างชัดเจนในระยะถัดไปแน่นอน

นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลให้สิทธิ์ยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่า-ฟรี) จากเดิมที่ให้ 57 ประเทศ โดยเพิ่มอีก 36 ประเทศ รวมเป็น 93 ประเทศ และให้พำนักในประเทศไทยได้ถึง 60 วัน เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.2567 เป็นต้นไปนั้นในส่วนของการเพิ่มประเทศให้วีซ่า-ฟรี ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อธุรกิจท่องเที่ยว แต่การให้อยู่ในประเทศไทยได้ยาวๆ ไม่ได้เอื้อต่อธุรกิจท่องเที่ยว เพราะคนที่เป็นนักท่องเที่ยวจริงๆจะมีระยะเวลาพำนักเฉลี่ยเพียง 10-20 วัน การอนุญาตให้พำนักในไทยได้ถึง 60 วันมีความสุ่มเสี่ยงว่าจะเข้ามาทำอย่างอื่น และเกรงว่าจะเข้ามาทำงาน มาแย่งอาชีพของคนไทย

“การยกเว้นวีซ่าให้ 30 วันก็พอแล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปที่มีวันหยุดพักร้อนก็อยู่ประมาณนี้ สำหรับชาวรัสเซียที่อยู่นานก็ด้วยเหตุผลที่หนีสงคราม นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยก็เฉลี่ย 7-10 วัน ส่วนนักธุรกิจที่ต้องใช้เวลาพำนักที่ผ่านมาก็มีวิธีการในการยื่นขอวีซ่าอยู่แล้ว ต้องเข้าใจว่านักท่องเที่ยวจริงๆเขาจะไม่อยู่นานมาก”

นายกสมาคมแอตต้า ยังได้กล่าวถึงเป้าหมายการสร้างรายได้ท่องเที่ยวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ 3.5 ล้านล้านบาท ว่าก็ต้องช่วยลุ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 35 ล้านคนในปีนี้ได้แน่ โดย 5 เดือนแรกของปีนี้ได้มาแล้ว 14.32 ล้านคน สร้างรายได้ 682,975 ล้านบาท แต่จะให้ไปถึง 39 ล้านคนถือว่าเหนื่อย เพราะตอนนี้เข้าสู่โลว์ซีซันแล้ว เท่ากับในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. หรือ 4 เดือนสุดท้ายที่เป็นไฮซีซันต้องทำให้ได้เพิ่มจากปกติถึง 3 เท่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเสริมศักดิ์ได้เป็นประธาน การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวด้วยงานวิจัยและเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ของ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) โดยทั้ง 4 จะร่วมมือกันสนับสนุนการพัฒนาและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การตลาดภาคการท่องเที่ยวและบริการด้วยวิทยา ศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อย่างยั่งยืน

หลังจากนั้น นายเสริมศักดิ์ได้เปิดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพื่อช่วยเหลือโรงแรมระดับ 3 ดาวที่ยังไม่ฟื้น โดยเฉพาะช่วยนี้เป็นโลว์ซีซัน ตลอดจนข้อเสนอให้รัฐบาลทะลวงปัญหาการบินกับประเทศอินเดียที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแต่เที่ยวบินไม่เพียงพอ เป็นต้น.