นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ผลผลิต ราคา การรับซื้อของลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม รวมถึงสาเหตุที่ราคาตกต่ำ ในแหล่งปลูกปาล์มภาคใต้ที่ จ.พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ซึ่งจากการลงพื้นที่เมื่อต้นสัปดาห์ และได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการ ผู้แทนเกษตรกร ลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มในพื้นที่ไปแล้วนั้น ที่ประชุมได้มีมติให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดำเนินการ 2 ข้อ พร้อมกันนั้น กรมการค้าภายในได้ทำเป็นหนังสือแจ้งไปยังนายกสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์มแล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับมติทั้ง 2 ข้อ ได้แก่ 1.แจ้งข้อมูลต่อกรมการค้าภายในเป็นรายวัน ประกอบด้วยข้อมูลการผลิตและจำหน่าย ทั้งปริมาณรับซื้อผลปาล์ม ปริมาณผลปาล์มน้ำมันที่ใช้ผลิต ปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ อัตราสกัดน้ำมันปาล์ม ราคารับซื้อผลปาล์ม ราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และข้อมูลแผนปิดซ่อมบำรุง โดยแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ สำหรับกรณีมีความจำเป็นต้องปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินขอให้แจ้งทันทีเพื่อดำเนินการตรวจสอบ รวมทั้งการแจ้งข้อมูลปริมาณรถบรรทุกติดคิวโดยให้แจ้งตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.เป็นต้นไป
2.ปรับราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันสูงขึ้น โดยรับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 4.50 บาท และหากผลผลิตสุกเต็มที่มีคุณภาพดีให้ปรับราคาเพิ่มขึ้นสอดคล้องอัตราสกัดน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ซึ่งมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน จะประชุมติดตามสถานการณ์ราคาและอัตราสกัดน้ำมันปาล์มทุกสัปดาห์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกร
“ขอให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทุกรายดำเนินการตามมติที่ประชุม หากพบว่ามีการรับซื้อผลปาล์มในราคาที่ไม่สอดคล้องกับคุณภาพและราคาน้ำมันปาล์มดิบ อาจเข้าข่ายเป็นการจงใจทำให้ราคาต่ำเกินสมควรหรือทำให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาสินค้า มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 150,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 29 และมาตรา 41 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่