ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้เปิดแถลงข่าวมาตรการตรวจสอบซิมการ์ดมือถือที่ผูกกับบัญชีโมบายแบงกิ้ง โดยชื่อเจ้าของผู้จดทะเบียนต้องเป็นชื่อเดียวกัน อันเป็น 1 ในมาตรการกวาดล้างซิมผี-บัญชีม้า ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2567 เป็นวันดีเดย์ตรวจสอบรายชื่อลงทะเบียนใช้งานหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ผูกกับบัญชีธนาคารโมบายแบงกิ้ง จำนวน 106 ล้านบัญชี โดยทางธนาคารจะส่งรายชื่อทั้งหมดให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และค่ายมือถือ ตรวจสอบรายชื่อจดทะเบียนซิมและชื่อเจ้าของบัญชีแบงก์ว่าตรงกันหรือไม่ กำหนดดำเนินการให้เสร็จใน 120 วัน หรือภายในเดือน ต.ค.2567 โดยขณะนี้ทุกคนยังสามารถใช้งานโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ
“ขอให้เข้าใจว่า เรากำลังพยายามแยกคนร้ายออกจากคนดี เพราะตอนนี้ปะปนกันอยู่ ประชาชนอาจไม่ได้รับความสะดวกบ้าง แต่นี่คือสิ่งที่ต้องทำเพื่อคัดกรองบัญชีม้าออกจากระบบ ปกป้องประชาชนจากการถูกหลอกลวง เมื่อชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งตรงกับเจ้าของผู้จดทะเบียนซิมมือถือแล้ว เราจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น โดยประเมินว่าใน 106 ล้านบัญชีโมบายแบงกิ้ง มีบัญชีที่ชื่อไม่ตรงซิมอยู่อย่างต่ำ 30 ล้านบัญชี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นบัญชีม้าทั้งหมด”
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ข้อมูลจากตำรวจระบุ มีบุคคลที่เปิดบัญชีธนาคารคนเดียวสูงถึง 400 บัญชี ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขที่เกินจำเป็น สะท้อนให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการวางกฎ ระเบียบใหม่ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่าจะออกประกาศภายในเดือน มิ.ย.2567 กำหนดเงื่อนไขการเปิดบัญชีแบงก์ใหม่ให้มีความรัดกุม เปิดยากขึ้น “ฝากแจ้งไปยังผู้ใช้โมบายแบงกิ้งทุกคนว่า ขอให้ตรวจสอบว่าชื่อบัญชีแบงก์ตรงกับชื่อจดทะเบียนซิมมือถือหรือไม่ เช็กได้ผ่านการกด *179*กดเลขบัตรประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก กด # แล้วกดโทร.ออก หากพบว่าชื่อไม่ตรงกัน สามารถทยอยเข้าไปแสดงตัวผ่านศูนย์บริการมือถือและแก้ชื่อให้ตรงกับบัญชีโมบายแบงกิ้งได้เลย ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โดยจะได้รับโปรโมชันและแพ็กเกจบริการเหมือนเดิม”
ส่วนกรณีผ่อนปรนให้ชื่อบัญชีแบงก์ไม่ตรงกับซิม เบื้องต้นครอบคลุม 4 กรณี 1.เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน 2.เป็นผู้อนุบาลบุคคลไร้ความสามารถตามคำสั่งศาล 3.เป็นนิติบุคคล เช่น เปิดเบอร์ให้พนักงานในสังกัด 4.กรณีที่ธนาคารเห็นว่ามีเหตุอันควรในการใช้ชื่อไม่ตรงกันกับบัญชี โดยบุคคลใน 4 กรณีดังกล่าว จะต้องติดต่อธนาคารเพื่อยื่นหลักฐานขออนุโลม คาดว่าจะดำเนินการได้หลังการตรวจสอบ 106 ล้านโมบายแบงกิ้งเสร็จ ช่วงเดือน ต.ค.2567
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง. กล่าวว่า แม้หน่วยงานภาครัฐจะพยายามกวาดล้างซิมผี บัญชีม้าเพียงไร แต่จำนวนบัญชีม้าก็ยังหมุนเวียนอยู่ในระบบมากกว่า 1 ล้านบัญชี แถมมีเพิ่มขึ้นเดือนละ 20,000 บัญชีและเป็นบัญชีโมบายแบงกิ้ง ทำให้ต้องจัดระเบียบ โดย ปปง.กำลังอยู่ระหว่างการทำแซนด์บ็อกซ์ (โครงการทดลอง) กับธนาคาร ส่งผ่านข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน มีการเข้ารหัสล็อก 2 ชั้น เพื่อไม่ให้เกิดการหลุดรั่วของข้อมูลได้เป็นอันขาด พอมั่นใจแล้วจึงจะเริ่มถ่ายโอนข้อมูลเพื่อส่งให้ กสทช.ตรวจสอบต่อไป
“เราพบว่าบัญชีโมบายแบงกิ้งที่เปิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีความล่อแหลมที่จะเป็นบัญชีม้าซึ่งแพร่ระบาดมากในช่วง 2 ปี โดยเฉพาะหากชื่อเจ้าของบัญชีและคนจดทะเบียนซิมไม่ใช่คนเดียวกัน แต่หากมีการแก้ไขยืนยันตัวตน ก็กลับไปเป็นบัญชีขาว (White List) สามารถใช้งานบัญชีโมบายแบงกิ้งได้ต่อไป”
พล.ต.ต.เอกรักษ์กล่าวว่า ปัจจุบันบัญชีม้ามี 2 ชนิด 1.บัญชีม้าขายขาด ซึ่งกลุ่มนี้จะไม่มาแจ้งแสดงตัวตนขอเปลี่ยนชื่อแน่นอน เพราะเจ้าของบัญชีและซิมได้รับค่าตอบแทนไปแล้ว 2.บัญชีม้าเลี้ยง เป็นบัญชีที่เจ้าของยังมีตัวตน มีการรับทอดการโอนเงินอยู่ ส่วนใหญ่เป็นมือกลางๆ ที่ไม่ใหญ่นัก เป็นทางผ่านโอนไปยังตัวการใหญ่
ด้านนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมรับการกำหนดกฎ-กติกาใหม่ๆจาก ธปท. เพราะเข้าใจว่าการปฏิบัติแบบเดิมๆ อาจไม่สอดคล้องกับบริบทของโลกยุคใหม่ที่การฉ้อโกงแพร่หลายมากผ่านซิมผีและบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดจำนวนบัญชีที่บุคคลหนึ่งจะถือครองได้สูงสุด ซึ่งปัจจุบันไม่มีการกำหนดเอาไว้ ใครจะเปิดกี่บัญชีก็ได้ รวมทั้งการเพิ่มความเข้มงวดในเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งปัจจุบันธนาคารหลายแห่งได้ปรับเงื่อนไขให้มีความรัดกุมขึ้นแล้ว ก่อนการออกประกาศใหม่ของ ธปท.ด้วยซ้ำ.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่