หวั่นเศรษฐกิจฟื้นช้าฉุดความเชื่อมั่นลง

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวว่า ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน เม.ย.67 อยู่ที่ 62.1 ลดจาก 63.0 ในเดือน มี.ค.67 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือน ส.ค.66 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ 70.2 ลดจาก 71.2 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 56.0 ลดจาก 56.9, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 58.9 ลดจาก 59.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 71.5 ลดจาก 72.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือนเช่นกัน

สาเหตุเพราะผู้บริโภคเริ่มกลับมากังวลว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า ประกอบกับราคาพลังงานสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล อีกทั้งผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจบานปลาย ที่กดดันให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวล่าช้า รวมทั้งการเมืองเริ่มมีความผันผวนมากขึ้น

“แม้เดือน เม.ย. มีการจัดงานสงกรานต์คึกคัก แต่ก็ไม่สามารถกระตุกให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้มาก การจับจ่ายซื้อสินค้าถูกกลบด้วยต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล รวมถึงปัจจัยเรื่องเสถียรภาพการเมือง หลังนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. ต่างประเทศ ลาออกจากทุกตำแหน่ง”

อย่างไรก็ตาม คาดว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคน่าจะดีขึ้นได้จากแรงกระตุ้นของนโยบายการคลังของรัฐบาล โดยเฉพาะงบลงทุน 700,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มลงในเดือน ก.ค. หรือเดือน ส.ค.นี้ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ เศรษฐกิจเพิ่มเป็นเดือนละ 50,000-100,000 ล้านบาท โดยศูนย์ยังคงมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตได้ 2.6% แต่ยังไม่รวมผลของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท น่าจะทำให้เศรษฐกิจโตได้ 3%.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่