ICC แนะ อยากได้ผลลัพธ์แบบใหม่ อย่าทำแบบเก่า กฎระเบียบการค้าโลกเข้ม ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ICC แนะ อยากได้ผลลัพธ์แบบใหม่ อย่าทำแบบเก่า กฎระเบียบการค้าโลกเข้ม ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว

Date Time: 15 พ.ค. 2567 16:18 น.

Video

"CINDY CHAO The Art Jewel" สองทศวรรษอัญมณีศิลป์ | Brand Story Exclusive EP.4

Summary

  • หอการค้านานาชาติฯ (ICC Thailand) เดินหน้าแก้ปัญหาการค้าระหว่างประเทศ เผย ปัญหากีดกันทางการค้าโลกเพิ่มขึ้น-เงื่อนไขสิ่งแวดล้อมเข้ม พร้อมเตือนผู้ประกอบการไทย เฝ้าติดตามภัยจากการสู้รบหลายพื้นที่ แนะเร่งเพิ่มขีดความสามารถ ลดเสี่ยง เพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน

Latest


เวลานี้คงไม่ใช่แค่ “ผู้ประกอบการไทย” กำลังวิตกกังวลกับนโยบายปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตโดยตรง แต่ภาคการส่งออกสินค้าและการผลิตที่ฟื้นตัวได้ช้า จนส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าในไตรมาสแรกของปีลดลง 0.2% ก็กำลังเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ปี 2567 ด้วย

สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. 2567 หดตัวมาอยู่ที่ระดับ 90.3 โดยผู้ประกอบการไทยต่างกังวลถึงภาวะการส่งออกที่ชะลอลงของประเทศคู่ค้า จากปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงปัจจัยบางเบา เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผู้ประกอบการไทย จำเป็นต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ และปรับตัวเพื่อรับกับแรงกระแทกต่างๆ ที่นับวันการค้าโลกยิ่งเต็มไปด้วยข้อจำกัด

เปิดมุมมอง “มนตรี มหาพฤกษ์พงศ์” ประธานคณะกรรมการบริหาร หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย (ICC Thailand) ระบุว่า ขณะนี้ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการไทยกำลังเผชิญกับคำสั่งซื้อสินค้าหดตัว แต่ปัจจุบันปัญหาการกีดกันทางการค้าของโลก ก็มีแนวโน้มซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีการนำเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นเงื่อนไข หรือข้อกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น ถ้าไม่ปรับตัว อาจเป็นข้อเสียเปรียบได้ 

เช่น มาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของยุโรป Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) โดยจะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 6 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า และไฮโดรเจน ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2566

โดยในช่วงปี 2566-2568 จะเป็นการกำหนดให้แต่ละประเทศเมื่อส่งออกสินค้าที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมไปยุโรป จะต้องมีการรายงานข้อมูลผลกระทบต่างๆ ต่อสิ่งแวดล้อม จากนั้นก็จะเริ่มมีการเก็บภาษีอย่างเต็มรูปแบบในปี 2569

ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งแต่ละประเทศจะต้องเตรียมตัวในเรื่องการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมและดูแลภาคการส่งออกให้ได้เกณฑ์มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่อไปมาตรการ CBAM จะครอบคลุมสินค้ามากขึ้นและนับรวมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมอีกด้วย  

ICC Thailand เร่งขับเคลื่อนผู้ประกอบการไทย 


สำหรับ ICC Thailand หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย หรือ International Chamber of Commerce - Thailand ในฐานะสมาชิกและตัวแทนของหอการค้านานาชาติ (ICC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2542 โดยการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย


ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎระเบียบการค้าและการลงทุนในเวทีโลก และเป็นตัวแทนของภาคเอกชนไทยในการเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จึงถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นภารกิจเร่งด่วน ที่ ICC ต้องเร่งเสริมแกร่งศักยภาพผู้ประกอบการไทย ให้ขับเคลื่อนธุรกิจสู่เวทีโลกได้อย่างราบรื่น 

“มนตรี” ยังกล่าวว่า ส่วนหนึ่งที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการได้ คือ การเลือกใช้กฎระเบียบการค้าที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ของผู้ส่งออก เช่น กฎ Incoterms ซึ่งทาง ICC Thailand ได้มีการจัดอบรมอย่างต่อเนื่อง เช่น เรื่อง Force Majeure เหตุสุดวิสัยในการค้าขาย และส่งสินค้าระหว่างประเทศ การใช้เอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการลดภาษี หรือยกเว้นภาษีนำเข้าของกรอบความร่วมมือ FTA กับประเทศต่างๆ และให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกำหนด ESG เพื่อส่งสินค้าไปยังประเทศในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา เป็นต้น 

“แค่ทำการค้าในไทย ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่า 1.5 แสนฉบับ แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ มีมากกว่ามหาศาล ถ้าผู้ประกอบการไม่เข้าใจ จะทำให้เสียเปรียบ และยังต้องอยู่ภายใต้การแข่งขันที่เป็นธรรม กฎระเบียบเข้ม เรื่องการคุมตลาดของประเทศนั้นๆ ด้วย ที่สำคัญ ยุคนี้ผู้ประกอบการไทยจะเน้นทำมาค้าขายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่เรื่องคอร์รัปชัน ระดับสากลก็ให้ความสำคัญอย่างมาก”  

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยต้องการขยายตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยหอการค้านานาชาติ (ICC) เครือข่ายสมาชิกอยู่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก จำนวน 4.5 ล้านบริษัท หากผู้ประกอบการไทยต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ก็สามารถใช้เครือข่ายของ ICC ในประเทศนั้นได้ 

ปัจจุบันหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทยมีการบริหารงานโดยคณะกรรมการบริหารและดำเนินงานโดยผ่านคณะกรรมาธิการ (Commission) ด้านต่างๆ 11 สาขา ประกอบด้วย

  1. Commission on Arbitration and ADR (ด้านอนุญาโตตุลาการและการระงับข้อพิพาท) 
  2. Commission on Banking (ด้านการธนาคาร)
  3. Commission on Commercial Law and Practices (ด้านกฎหมายและการปฏิบัติทางการค้า)
  4. Commission on Competition (ด้านการแข่งขันทางการค้า)
  5. Commission on Corporate Responsibility and Anti-Corruption (ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและป้องกันการทุจริตขององค์กร) 
  6. Commission on Customs and Trade Facilitation (ด้านศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า) 
  7. Commission on the Digital Economy (ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล)
  8. Commission on Environment and Energy (ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม)
  9. Commission on Food and Agricultural Products (ด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเกษตร)
  10. Commission on Insurance (ด้านการประกันภัย) 
  11. Commission on Marketing  &  Advertising (ด้านการตลาดและโฆษณา)

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มองว่าเป็นจุดแข็ง โอกาสของผู้ประกอบการไทยให้สามารถต่อยอดได้ คือ Commission on Food and Agricultural Products (ด้านผลิตภัณฑ์อาหารและเกษตร) ของสินค้าไทย จากตำแหน่งประเทศไทย เป็น Food Supplier ของโลก อ้างอิงข้อมูลเผยแพร่ พบในปี 2566 ไทยได้ขึ้นแท่นเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับที่ 12 ของโลก และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย 

ประเด็นดังกล่าว ICC ยังชี้ว่า จากจุดแข็งที่ไทยได้เป็น 1 ใน “ห่วงโซ่ความมั่นคงทางอาหาร” ของโลก เพราะเราส่งออกอาหารสดและอาหารแปรรูปไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก นี่เป็นโอกาสที่จับต้องได้ ย้อนไปเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา เทรนด์อาหารอนาคต หรือ Future Food มาแรง แต่ปัจจุบันตลาดใหม่ที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มอาหารสัตว์ ถ้าผู้ประกอบการไทยรุกเร็วก็ได้เร็ว เพราะถ้าทำแบบเดิมๆ เราอาจได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ.

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ