หนึ่งในนโยบายสำคัญของ “กระทรวงพาณิชย์” คือเสริมสร้างความเข้มแข็งทางธุรกิจให้กับเอสเอ็มอีไทย เพื่อให้อยู่รอดในโลกการค้าปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเกิดสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจใหม่ๆมากมาย
โดยหนึ่งในธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่ง คือ “ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง” และ “ร้านโชห่วย” ภายใต้โจทย์ท้าทาย ทำอย่างไรให้ค้าส่งค้าปลีกที่มีศักยภาพ ร่วมเป็นเครือข่าย ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้โชห่วย รวมถึงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเสริมศักยภาพการทำธุรกิจให้สอดรับกับยุคดิจิทัล
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จึงเร่งดำเนินการภายใต้แนวคิด “รายใหญ่ช่วยรายเล็ก ได้รับประโยชน์ทั้งคู่ พร้อมเติบโตไปด้วยกัน” โดยดึงร้านค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่และขนาดกลางในแต่ละท้องถิ่น มาเป็นเครือข่ายในการช่วยเหลือรายเล็ก รายย่อย
โดยกรมจะช่วยเสริมศักยภาพและยกระดับมาตรฐานค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่และขนาดกลาง ให้เป็น “ร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบ” และเป็น “พี่เลี้ยง” ให้โชห่วยท้องถิ่น
รวมถึงสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันในพื้นที่ สร้างโอกาสให้โชห่วยเข้าถึงเทคโนโลยี พัฒนาร้านค้าให้มีระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขยายตลาด ขยายกลุ่มลูกค้า และเพิ่มยอดขาย
สำหรับการยกระดับค้าปลีกค้าส่งให้เป็นร้านต้นแบบ กรมและผู้เชี่ยวชาญจะลงพื้นที่ไปยังร้านค้าแต่ละร้าน วางแผนไป 33 ร้านค้า ใน 24 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก 3 ครั้ง 3 ระดับ ได้แก่
1.วิเคราะห์การพัฒนาตามเกณฑ์มาตรฐานการบริหารจัดการของกรม และจัดทำแผนพัฒนาเฉพาะราย (Individual Action Plan) โดยเน้นแก้ปัญหาเร่งด่วน และเสริมจุดแข็งให้ธุรกิจ 2.แนะนำแนวทางการพัฒนาตาม Individual Action Plan และ 3.ติดตามและประเมินผลการพัฒนาของร้าน
เมื่อยกระดับสู่การเป็นร้านต้นแบบ และพี่เลี้ยงได้แล้ว ก็จะสามารถให้คำปรึกษา แนะนำโชห่วยในเครือข่ายให้กลายเป็น “สมาร์ทโชห่วย” เริ่มตั้งแต่ปรับภาพลักษณ์ร้านค้าตามหลัก 5ส (สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย) เพื่อดึงดูดลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้า
รวมถึงส่งเสริมให้ใช้ระบบ POS สำหรับการขายสินค้า จัดการสต๊อก และดูรายงานยอดขายเบื้องต้น ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนผ่านจากการทำธุรกิจแบบเดิมสู่การใช้เทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุนและสร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาว
“นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม” อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า บอกว่า ปี 67 ตั้งเป้าหมายเสริมศักยภาพร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบให้ได้ไม่น้อยกว่า 30 ร้าน และมีโชห่วยท้องถิ่นได้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 250 ร้าน
จากนี้คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของ “โชห่วย” พันธุ์ไทยที่สามารถอยู่รอดได้ในโลกการค้าที่ซับซ้อนขึ้น ทั้งในปัจจุบันและอนาคต!!
ฟันนี่เอส
คลิกอ่าน "กระจก 8 หน้า" เพิ่มเติม