เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 67 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ที่บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้องศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. เพื่อคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ ระหว่างที่ยังพิจารณาคดีการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เนื่องจากว่าในขณะนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับโจทก์หรือกลุ่มบริษัทโจทก์ จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะสั่งให้จำเลยยุติการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลอาจสั่งเป็นอย่างอื่น ดังนั้น ในชั้นนี้ยกคำร้องโจทก์
ศาสตราจารย์กิตติคุณ พิรงรอง จึงสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ตามปกติ
ด้านทรู ดิจิทัล เคารพและน้อมรับคำสั่งศาล แจงจำเป็นต้องยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตามขั้นตอนปกติเพื่อรักษาสิทธิ์
ทรู ดิจิทัล ชี้แจงสาเหตุต้องยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหลังเป็นคู่กรณีกับกรรมการ กสทช. ท่านหนึ่งในฐานะที่เป็นประธานอนุกรรมการด้านกิจการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อเจตนากลั่นแกล้ง แสดงถึงอคติ และความไม่เป็นกลาง กรณีทรู ไอดี ตามที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้พิจารณาไต่สวนทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่จะประทับรับฟ้องไว้พิจารณา โดยการยื่นคำร้องต่อศาลฯ ครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการตามขั้นตอนปกติในการรักษาสิทธิ์เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
ทรู ดิจิทัล ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจทรูไอดี มีความคาดหวังให้องค์กรกลางอย่าง กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้องตามกฎหมายและมีความเป็นธรรม และที่ผ่านมาให้ความเคารพทุกการพิจารณาของกรรมการ กสทช.ทุกท่าน เมื่อพบว่ามีเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทที่เกิดขึ้นจากกรรมการบางท่าน จึงเป็นหน้าที่ของบริษัทที่ต้องรับผิดชอบต่อนักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้บริโภค โดยจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ทางกฎหมายในการยื่นคำร้องเรียกร้องความเป็นธรรมต่อศาล เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในวันนี้ศาลได้พิจารณาว่า ภายหลังที่ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกลั่นแกล้งโจทก์อีก จึงยังไม่มีคำสั่งให้จำเลยยุติการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล แต่หากมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลอาจมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นได้
ทรู ดิจิทัล ขอเน้นย้ำว่ามีความเคารพและพร้อมน้อมรับคำพิจารณาของศาลเสมอ โดยหวังพึ่งพาความยุติธรรมจากศาลในการพิจารณาคดีความนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ทางบริษัทจึงขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เพิ่มเติม โดยจะมอบเป็นอำนาจให้ศาลเป็นผู้พิจารณาพิพากษาต่อไป