ไม่เคยมากมายขนาดนี้มาก่อน ...คงจะใช้นิยามได้กับความร้อนแรงที่เกิดขึ้น ในตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย ณ ขณะนี้ หลังจากบริษัทที่ปรึกษาและวิจัยอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง “คอลลิเออร์ส ประเทศไทย”
โดย ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร ออกมาให้ข้อมูลล่าสุดว่า ขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ของเมืองท่องเที่ยว ยังคงเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งในพื้นที่ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน หลังจากได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ซึ่งพบว่าเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 56,600 ล้านบาท ยังคงหลั่งไหลเข้าสู่ทั้งใน 3 พื้นที่ และพบว่าเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 10 ปี ที่ซัพพลายเปิดขายใหม่ของตลาดคอนโดฯ เมืองท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ตและพัทยาสูงกว่า กทม.
เกิดภาพหลายโครงการปิดการขายได้อย่างรวดเร็วเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหลายโครงการ ยูนิตขายยังคงถูกดูดซับออกไปด้วยกำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซีย ที่ยังคงให้ความนิยมคอนโดฯ และบ้านพักตากอากาศสำหรับเป็นบ้านหลังที่ 2 และเพื่อการลงทุน
เจาะอสังหาฯ ภูเก็ตนั้นยังคงร้อนฉ่า มีอสังหาฯ เปิดใหม่มากที่สุดในรอบ 10 ปี สะสม 35,501 ยูนิต ขณะไตรมาสแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 12 โครงการ 3,338 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 25,059 ล้านบาท
ผู้พัฒนารายใหญ่ทั้งจากกรุงเทพมหานครและผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ ต่างพากันเปิดตัวโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก เช่น บมจ.แสนสิริ, บมจ. แอสเซทไวส์, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บจ.บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป และบริษัท CG Capital จำกัด เปิดตัวโครงการใหม่ โดยใช้ชื่อว่า The Standard Residences, Phuket Bang Tao (เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทา) มูลค่าโครงการมากกว่า 5,000 ล้านบาท
ภัทรชัย ระบุว่า ปกติแล้วคอนโดฯ ที่เปิดขายใหม่ในแต่ละปีในจังหวัดภูเก็ต มีเพียงแค่ปีละประมาณ 2,000-3,000 ยูนิตต่อปีเท่านั้น
ทั้งนี้ คาดเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก บวกกับการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน เป็นเสมือนแรงผลักดันที่สำคัญให้ตลาดคอนโดฯ ในจังหวัดภูเก็ตมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้อาจมีคอนโดฯ เปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดอีกกว่า 8,500 ยูนิตเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับกลุ่ม “บ้านพักตากอากาศ” ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ สิ้นไตรมาสแรก เติบโตแบบก้าวกระโดด มีซัพพลายเปิดขายใหม่มากถึง 10 โครงการ จำนวน 237 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 9,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นอุปทานเปิดขายใหม่ที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะ โดยเฉพาะทำเลย่านบางเทา เชิงทะเล และพื้นที่โดยรอบลากูน่า เป็นต้น
สำหรับทำเลย่านบางเทาและเชิงทะเลในปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนารายใหญ่ในพื้นที่ เช่น บมจ.ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล รวมถึงผู้พัฒนารายใหญ่จากกรุงเทพมหานคร เช่น บมจ.แสนสิริ, บมจ.แอสเซทไวส์, บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บจ.ฮาบิแทท กรุ๊ป
รวมถึง บมจ.ไซมิส แอสเสท ให้ความสนใจเข้าไปพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศบนทำเลย่านนี้เป็นครั้งแรก และหลายโครงการได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกำลังซื้อรัสเซีย เป็นต้น
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney