นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า จากที่ รมว.คลังได้มอบหมายให้กำกับดูแลกรมจัดเก็บภาษี ทั้ง 3 กรม คือ กรมสรรพากร, กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรนั้น ถือเป็นงานที่ท้าทายมากและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในเบื้องต้นยังไม่มีนโยบายการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ แต่จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีเป็นหลัก ซึ่งมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 67 นี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 2.78 ล้านล้านบาท โดยจัดเก็บรายได้จะเป็นไปตามอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนการมอบหมายนโยบายนั้น เบื้องต้นจะมอบหมายให้กรมสรรพากรไปศึกษาการเปิดให้มีการซื้อขายกองทุนแอลทีเอฟอีกครั้ง ส่วนจะเป็นแนวทางใดนั้น ต้องรอผลการศึกษาก่อน เพราะกองทุนแอลทีเอฟ มีวัตถุประสงค์ช่วยสนับสนุนให้ตลาดทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวเสริมว่า เนื่องจากขณะนี้จะมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ดี จาก 3 แหล่ง คือ 1.พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่าย 2.โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเริ่มใช้จ่ายในไตรมาส 4 ของปีนี้ 3.งบประมาณปี 68 จะเริ่มมีผลบังคับใช้.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่