นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การจัดเก็บรายได้ของคลังในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 67 จัดเก็บได้น้อยกว่าเป้าหมายกว่า 27,000 ล้านบาทนั้น เป็นผลจากการลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และเบนซิน แต่ขณะนี้มาตรการลดภาษีน้ำมัน ได้สิ้นสุดมาตรการลงตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.67 เชื่อว่าจะมีรายได้จากภาษีน้ำมันจะกลับมาเหมือนเดิม ขณะที่มาตรการดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีและ พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 มีผลบังคับใช้แล้ว เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น และมีผลต่อ การจัดเก็บรายได้ของรัฐเป็นไปตามเป้าหมายู่ที่ 2.78 ล้านบาท อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ เศรษฐกิจน่าจะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีจากประชาชน เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ แฮปปี้ ไลฟ์ ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มียอดรอโอนเป็นจำนวนมาก และได้ขยายวงเงินอีก 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กำลังศึกษาการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อให้ระดับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น
“กระทรวงการคลังถือว่าเหยียบคันเร่งมาตรการทางการคลังอย่างเต็มที่แล้ว แต่ขอให้มั่นใจในกระทรวงการคลัง ว่าการออกแต่ละมาตรการจะคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่ต้องสูญเสียไป”
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่