นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) ผู้นำโบรกเกอร์ประกันรายใหญ่สุดของไทย เปิดเผยว่า ปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 66 ที่ทำได้ 30,000 ล้านบาท มั่นใจว่าบรรลุผลแน่นอน เพราะปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำมาอย่างต่อเนื่องในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของพนักงาน และที่สำคัญเพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีในทุกด้าน เช่น ด้านการให้ข้อมูลความคุ้มครอง เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการ หรือด้านชำระเงิน ที่ต้องสะดวก ปลอดภัย ด้านการเคลมประกัน ที่ต้องรวดเร็ว ตรวจสอบได้ชัดเจน เป็นต้น
นอกจากนี้ การลงทุนพัฒนาเทคโนโลยียังช่วยให้บริษัทสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันที่ใช่ ตอบโจทย์ลูกค้า การเคลมที่เร็ว ถูกต้อง แม่นยำ ช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องคน ทำให้มีอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 20% ของยอดรายได้ หรือมีกำไรกว่า 800 ล้านบาท และเพิ่มโอกาสในการจ่ายเงินปันผลสูงกว่านโยบายที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยบางปีจ่ายได้เกือบ 100%
“มั่นใจว่าเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอยู่ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆที่กำลังนำเข้ามาปรับใช้ จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายเบี้ยกลุ่มธุรกิจประกันที่ตั้งไว้ที่ 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ภายใต้แนวคิด High Tech High Touch”
ขณะที่นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 67 คาดจะเติบโตได้ดี จากการควบคุมต้นทุน ควบคู่กับการขายที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพราะบริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แม้ว่าขณะนี้ กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอ และเศรษฐกิจไทยชะลอตัว
ดังนั้น จึงส่งผลให้บริษัทสามารถลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องทุกปีด้วยงบลงทุนกว่าปีละ 100 ล้านบาท อีกทั้งยังมีเงินจากการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) ซึ่งทำให้บริษัทมีความเข้มแข็งทางการเงิน และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรไทยและต่างชาติ เพื่อเข้ามาเสริมแกร่งให้กับบริษัทอีก คาดว่าจะเห็นการควบรวมกิจการ (M&A) อย่างน้อย 2 ดีลภายในปีนี้
“ปี 67 บริษัทคาดใช้เงินลงทุนราว 100 ล้านบาทในการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ไม่ได้ลงทุนเองทั้งหมด มีพันธมิตรร่วมจ่าย ร่วมใช้ระบบที่พัฒนาเพื่อช่วยในการทำงาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการเงิน เช่น การเตือนภัยธรรมชาติ การทำประกันภัยในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงช่วยสร้างบิ๊กดาต้า เสริมความเชื่อมั่น และความพึงพอใจให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด One Customer Multiple Products”
นอกจากนี้ ยังจะพัฒนาเทคโนโลยี Al เพื่อให้เข้ามาช่วยในเรื่อง Customer Data Platform (CDP) ในการจัดระเบียบข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการขาย ทั้งประกันและสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์ และเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า ช่วยในการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาธุรกิจและการให้บริการตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
ส่วนการพัฒนางาน Digital ทุก Touch Point นั้น จะเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ค้นหาข้อมูลได้ง่าย รวดเร็วในทุกมิติเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ พัฒนาแอปพลิเคชัน TQM24 ภายใต้คอนเซปต์ “เคลม ดู ต่อ จ่าย” ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 200,000 ราย โดยได้ออกแบบและพัฒนาฟีเจอร์ ให้สามารถเช็กสถานะการทำธุรกรรมได้ทันที หรือการขอสินเชื่อ จะทำผ่าน TQM24 ได้ด้วย
นอกจากพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่างๆแล้ว นางนภัสนันท์ กล่าวต่อว่า ในปี 67 บริษัทยังได้เพิ่มการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการจากทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง Facebook หรือ TikTok โดยจะมีระบบเชื่อมต่อลูกค้าให้เป็นที่เดียวกัน ซึ่งก็คือ LINEConnect โดยทำงานผ่านทาง LINE OA (LON) รวมถึงยังพัฒนาช่อง Tiktok ให้เป็นช่องทางสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับประกันและการเงินที่มีประโยชน์ เข้าใจง่ายผ่านเครือข่าย TQM Tiktok เพื่อตอบรับพฤติกรรมโลกโซเชียลยุคใหม่ และทำให้ลูกค้ากลุ่ม Gen Z เข้าถึงประกันและการเงินได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาบริการเคลมประกันชีวิตและประกันสุขภาพด้วยบริการ TQC Care System ซึ่งใช้เวลาพัฒนามากว่า 2 ปีเพื่อให้ได้ระบบการเคลมประกันสุขภาพครบวงจรที่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของกรมธรรม์ ประสานงานโรงพยาบาลและแจ้งผลประโยชน์การเคลมได้ทันที โดยมีผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกคนทุกที่ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ลูกค้าได้อีกด้วย ถือเป็นบริการที่ทันสมัย และเป็นมาตรฐาน
ส่วนทีคิวเอ็มหมีเงิน ธุรกิจบริการทางการเงินของอีกหนึ่งบริษัทในกลุ่มทีคิวเอ็ม อัลฟานั้น ปีนี้ปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 800 ล้านบาท เพื่อชำระเบี้ยประกันและสินเชื่อจำนำทะเบียนรถให้กับลูกค้าของทีคิวเอ็ม คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายแน่นอน และจะขยายการปล่อยสินเชื่ออื่นๆ เช่น ขายฝากที่ดิน สินเชื่อเอสเอ็มอี ผ่านพันธมิตร และสินเชื่อเพื่อความงามผ่านเครือข่ายคลินิกความงาม เป็นต้น
“ทีคิวเอ็มไม่หยุดทรานส์ฟอร์ม เพราะเทคโนโลยีใหม่เสมอ เราลงทุนปีละ 100 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในทุกด้าน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจใช้บริการของเรา แม้ขณะนี้ที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เบี้ยประกันปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้ 33,000 ล้านบาท จะเป็นไปได้แน่นอน”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่