คลัง ปรับลด GDP ปี 67 โตเพียง 2.4% เหตุส่งออก การผลิต หดตัวกว่าคาด หวังดิจิทัลวอลเล็ตหนุนเศรษฐกิจ

“เศรษฐกิจไทย” ยังมีความหวังว่าจะขยายตัวดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากหลายสำนักมองว่าการฟื้นตัวของการค้าโลก แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลให้ภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และภาคการผลิตของไทย ซึ่งเป็นเดอะแบกของเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวพร้อมกัน

แต่ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย. 2567) พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ การคลัง (สนค.) ได้ออกมาแถลงผลการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 โดยปรับลดประมาณการลง 2.4% จากประมาณการเดิมที่ 2.8% ณ เดือนมกราคม 2567   เนื่องจาก 

1. การส่งออกสินค้าที่หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ โดยตัวเลขส่งออกไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 มีมูลค่า 70,995.3 ล้านดอลลาร์ หดตัว 0.2% โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม
2. การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัว ซึ่งสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) โดยเฉพาะสินค้าในหมวดยานยนต์ และหมวดชิ้นส่วนและแผงวงจรในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567
3. ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและปรากฏการณ์เอลนีโญ
4. ภาคการคลังที่ยังคงใช้การเบิกจ่ายตามงบประมาณตามปี 2566 ไปพลางก่อน

ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศอยู่ในระดับมั่นคง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.6% ต่อปี ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้า อาหารบางกลุ่ม อีกทั้งราคาสินค้าในหมวดพลังงาน ที่ลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 9.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.8% ของ GDP 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้นที่ 2.4% จากระดับ 1.9% ในปี 2566 โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงบทบาทสนับสนุนของนโยบายการคลังในช่วงที่เหลือของปี 

ทั้งนี้ คาดว่าภาคการท่องเที่ยวในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 35.7 ล้านคน ขยายตัวสูงที่ 26.7% ต่อปี ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง เกิดการจ้างงานและเพิ่มรายได้ประชาชน ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ทำให้คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 3.7% ต่อปี ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.5% ต่อปี

สำหรับการส่งออกสินค้าจะขยายตัวที่ 2.3% ต่อปี โดยคาดว่าการส่งออกสินค้าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และมูลค่าการนำเข้าสินค้าจะขยายตัวที่ 3.4% ต่อปี โดยมีสินค้าทุนขยายตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนถึงการลงทุนภาคเอกชนที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต 

ทั้งนี้ในช่วงต่อจากนี้เม็ดเงินจากงบประมาณปี 2567 จะเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเร่งขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปี 2567 

อีกทั้ง หากเม็ดเงินจากโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet สามารถเริ่มมีการใช้จ่ายภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ก็คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อและสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.3% ต่อปี (กรณีประชาชนใช้จ่ายเม็ดเงินส่วนใหญ่ภายในสิ้นปี 2567).

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney