นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. มีความคืบหน้าการดำเนินงานที่สำคัญตามแผนกลยุทธ์ โดยได้เพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ ปลาทอง สตูล และฟูนาน) ขึ้นเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อช่วยลดผลกระทบด้านพลังงานให้กับประชาชน โดยบริษัทมีแผนที่จะติดตั้งแท่นหลุมผลิตและเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติม เพื่อรักษากำลังการผลิตของโครงการอย่างต่อเนื่องและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ
สำหรับด้านผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2567 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 78,812 ล้านบาท (เทียบเท่า 2,209 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ลดลงประมาณร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 โดยปริมาณการขายเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 473,048 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการขายของโครงการในต่างประเทศลดลง ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยอยู่ที่ 47.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 18,683 ล้านบาท (เทียบเท่า 524 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยยังคงรักษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ไว้ที่ 28.96 ดอลลาร์ สรอ.ต่อ บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ร้อยละ 74
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ปตท.สผ.ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่นๆในไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวนกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ยังเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่รัฐได้รับโดยตรงจากการผลิตปิโตรเลียม เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่