“ประเทศไทย” ถูกมองว่านับเป็นตลาดที่มีการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในภูมิภาค และกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค
ทำให้ยักษ์ใหญ่ ในวงการยานยนต์ สนใจและเห็นโอกาสเข้ามาลงทุน ในกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV อย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่เพียงแต่จะใช้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียง แต่กระแสความนิยมต้องการใช้รถ EV ในหมู่คนไทย ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ล่าสุด คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยว่า สำหรับการส่งเสริมโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และไฮบริด (HEV) ทั้งหมด
BOI ได้อนุมัติให้การส่งเสริมรวมทั้งสิ้น 26 โครงการ จาก 19 บริษัท รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท หลังจากเพิ่งดึง Chery บริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน เข้ามาลงทุนในไทย เป็นรายล่าสุด ได้สำเร็จ จากการหารือกันมานานกว่า 2 ปี โดย Chery จะตั้งฐานโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และเริ่มผลิตเฟสแรก ในปี 2568
ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของประเทศไทย เพราะก่อนหน้านี้มีค่ายรถยนต์รายใหญ่จากจีนได้เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแล้ว 7 ราย ซึ่ง Chery เป็นรายที่ 8 ประกอบด้วย
ทั้งนี้ “นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์” เลขาธิการ BOI ชี้ว่า จากความเคลื่อนไหวข้างต้น ตอกย้ำให้เห็นภาพชัดเจนว่า กลุ่มบริษัทรถยนต์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศจีน ได้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักในภูมิภาคสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวา ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทย รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐด้วย
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท Chery Automobile ในประเทศไทย จะดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อบริษัท “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)” ซึ่ง OMODA และ JAECOO เป็นแบรนด์ของ Chery สำหรับทำตลาดในต่างประเทศ โดยจะตั้งโรงงานที่จังหวัดระยอง ในเฟสแรก ภายในปี 2568 จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ BEV และ HEV ปีละประมาณ 50,000 คัน
ในเฟสที่ 2 ภายในปี 2571 จะขยายกำลังการผลิตถึงปีละ 80,000 คัน ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มแรก บริษัทจะนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก OMODA C5 EV ซึ่งเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ เอสยูวี ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% มาจำหน่ายเพื่อทดลองตลาด ตามมาด้วยรถยนต์พรีเมียม เอสยูวี ออฟโรดรุ่น JAECOO 6 EV, JAECOO 7 PHEV และ JAECOO 8 PHEV พร้อมเปิดโชว์รูม 39 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค
ที่มา : BOI
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney