นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลจะใช้มาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินคลัง พ.ศ. 2561 ด้วยการใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาแจกจ่ายในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท หรือดิจิทัลวอลเล็ต วงเงิน 172,300 ล้านบาทนั้น ขอยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของ ธ.ก.ส.อย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลมีวิธีบริหารจัดการสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ
“ส่วนกระแสการถอนเงินฝากจากบัญชีของ ธ.ก.ส.นั้น ไม่เป็นความจริง และจากการติดตามประเด็นดังกล่าว ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือมีการแห่เบิกเงินจากบัญชี ธ.ก.ส.เลย อย่างไร ก็ตามไม่อยากให้ประชาชนวิตกกังวล เพราะกว่าจะแจกจ่ายเงิน 10,000 บาท ช่วงปลายปี รัฐบาลมีวิธีบริหารจัดการแน่นอน”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้ประเมินสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าอยู่ในระดับเพียงพอ โดยปัจจุบันสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.มีอยู่มากกว่า 200,000 ล้านบาท ขณะที่รัฐบาลกำหนดวงเงินที่จะใช้จ่ายในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตผ่าน ธ.ก.ส.จำนวน 172,000 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ ธ.ก.ส.สามารถระดมเงินฝากจากประชาชนได้เพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
ส่วนการชำระเงินคืนให้ ธ.ก.ส.นั้น รัฐบาลจะตั้งงบชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส.ในปีถัดๆไป ซึ่งการใช้จ่ายจริงจะเริ่มต้นในปีงบประมาณ 2568 ดังนั้น ตามขั้นตอนคณะกรรมการ ธ.ก.ส.จะต้องพิจารณาอนุมัติและเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายกังขาว่าการให้ ธ.ก.ส.นำเงินมาใช้ในโครงการนี้นั้น อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กระทรวงการคลังจะเสนอให้ ธ.ก.ส.ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตีความให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่