วาดฝัน "จีดีพี” ปีนี้โต 2.8-3.3%

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่าที่ประชุม กกร.ประเมินอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ว่ามีแนวโน้มเติบโตได้ในกรอบประมาณการที่ 2.8-3.3% การส่งออกอยู่ที่ 2-3% เงินเฟ้ออยู่ที่ 0.7-1.2% ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง จากข้อจำกัดเชิงโครงสร้างของไทย ที่กระทบต่อการผลิต โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีขนาด 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจของประเทศไทย กำลังเผชิญปัญหา ไม่สามารถส่งออกได้เต็มศักยภาพ ทำให้การส่งออกฟื้นตัวได้ช้าไม่ทั่วถึง เช่น รถยนต์สันดาป ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (Hard Disk Drive) และผลิตภัณฑ์พลาสติก ชะลอตัวลงจากปัจจัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ขณะที่สินค้าที่ส่งออกได้ดี เป็นสินค้าที่มีความซับซ้อนต่ำ เช่น ยางรถยนต์ และเนื้อสัตว์แปรรูป และสินค้าบางประเภทเผชิญการแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ภาคการผลิตต้องเร่งปรับตัวให้สอดรับกับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มกลไกในการสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้ามาอยู่ในระบบ เพื่อสร้างฐานข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาสินเชื่อตามกลไกตลาด

“กกร.ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมให้จดทะเบียนนิติบุคคล โดยยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ 5-7 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัว พร้อมปรับเงื่อนไขเพิ่มทรัพยากรของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ”

นอกจากนี้ พบว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศยังอ่อนแอ เพราะกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง ทำให้ เศรษฐกิจไทยต้องการแรงกระตุ้นเพิ่มเติม จากทั้งนโยบายการคลังในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการกระตุ้นอื่นๆ และนโยบายการเงิน ซึ่งจะเป็นในรูปของการปรับลดดอกเบี้ย นโยบายหรือการปรับลดค่าธรรมเนียม นำส่งเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู และพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เหมือนที่เคยทำในอดีต ส่วนทิศทางนโยบายการเงินของประเทศหลัก เช่น อังกฤษ และสหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ย เพื่อประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่