กระทรวงพาณิชย์ เผย “ดัชนีค่าครองชีพโลกปี 2567” ซึ่งจัดทำโดย Numbeo เว็บไซต์ฐานข้อมูลด้านค่าครองชีพโลกชื่อดัง โดยพบว่า ระดับค่าครองชีพของไทย เมื่อเทียบกับ 146 ประเทศทั่วโลก ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ
รายละเอียดของรายงานดังกล่าว ระบุถึงวิธีการจัดทำ “ดัชนีค่าครองชีพ” ว่าคำนวณ มาจาก ค่าใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ เช่น ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, เสื้อผ้าและรองเท้า, กีฬาและสันทนาการ และค่าสาธารณูปโภค (ไม่รวมค่าเช่าที่อยู่อาศัย)
ซึ่งสำรวจข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยเปรียบเทียบกับดัชนีค่าครองชีพของ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งใช้เป็นฐานอยู่ที่ร้อยละ 100
โดยผลการจัดทำดัชนีค่าครองชีพล่าสุด พบว่า ดัชนีค่าครองชีพของไทย ในช่วงต้นปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 36.0 ซึ่งต่ำกว่าดัชนีเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่เท่ากับร้อยละ 100 อยู่อันดับที่ 94 จาก 146 ประเทศทั่วโลก ซึ่งอยู่ระดับต่ำ โดยลดลงจากร้อยละ 40.7 หรืออยู่อันดับที่ 79 จาก 140 ประเทศทั่วโลก ในปี 2566
เจาะในกลุ่มอาเซียน พบว่า ดัชนีค่าครองชีพของไทย สูงเป็นอันดับที่ 5 จาก 9 ประเทศที่ถูกจัดอันดับ โดยค่าครองชีพของไทยสูงกว่า ฟิลิปปินส์ (ร้อยละ 33.6 อันดับ 104 จาก 146 ประเทศทั่วโลก) เวียดนาม (30.8 อันดับ 113) มาเลเซีย (30.5 อันดับ 115) และอินโดนีเซีย (28.5 อันดับ 126) ขณะที่ค่าครองชีพของไทยต่ำกว่า กัมพูชา (38.5 อันดับ 88) เมียนมา (38.6 อันดับ 87) บรูไน (50.5 อันดับ 48) และ สิงคโปร์ ซึ่งมีค่าครองชีพสูงที่สุดในอาเซียน โดยอยู่ที่ร้อยละ 81.9 สูงเป็นอันดับที่ 7 ของโลก
“พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์” ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ชี้ว่า ระดับค่าครองชีพของไทยที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ สาเหตุสำคัญคาดว่ามาจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งสินค้าในกลุ่มพลังงาน (ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สหุงต้ม) และสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งมาตรการเพิ่มรายได้ และการขยายโอกาสในการประกอบอาชีพ
อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงไทยยังมีโอกาสเติบโตได้ แต่ยังมีปัจจัยท้าทายหลายด้าน ทั้งนโยบายการผลิตและส่งออกของผู้ผลิตน้ำมันรายสำคัญ ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐของไทยที่จะสิ้นสุดลง ซึ่งอาจกระทบให้ค่าครองชีพของไทยเพิ่มสูงขึ้นได้
ดังนั้น ผู้บริโภครวมถึงผู้ประกอบการควรเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยวางแผนทางการเงินอย่างรัดกุม ประหยัด และพอเพียง
สำหรับผู้ประกอบการ ควรพิจารณาประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ช่วยนำพาธุรกิจให้เติบโตผ่านพ้นปัจจัยท้าทายดังกล่าวได้อย่างมั่นคง
สำหรับประเทศที่มี “ค่าครองชีพ” สูงที่สุดในโลก 3 อันดับแรก ได้แก่
ประเทศที่มี “ค่าครองชีพ” ต่ำที่สุดในโลก 3 อันดับแรก ได้แก่
ที่มา : กระทรวงพาณิชย์