ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 67/68 โดยสนับสนุนปุ๋ยที่เหมาะสมตามความต้องการของผู้ปลูกข้าวในรูปแบบ “ปุ๋ยคนละครึ่ง” โดยภาครัฐและเกษตรกรจ่ายคนละครึ่ง เพื่อสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะดินเสื่อมสภาพและเพิ่มผลผลิต
โดยจะสนับสนุนค่าปุ๋ยไร่ละ 50 กิโลกรัม (กก.) ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 1,000 กก. ให้กับผู้ปลูกข้าวที่จะปลูกข้าวในปีการผลิต 67/68 ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน แยกเป็น 1.เกษตรกรที่ปลูกข้าวทั่วไป 4.48 ล้านครัวเรือน ใช้ปุ๋ยสูตรที่มีความเหมาะสมกับการปลูกข้าว 2.เกษตรกรที่ปลูกข้าวอินทรีย์ 200,000 ครัวเรือน ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำและชนิดเม็ดและขึ้นบัญชีนวัตกรรม กรอบวงเงิน 33,530 ล้านบาท
ทั้งนี้ จะใช้เงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่าย 33,422.950 ล้านบาท และงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 67 จำนวน 108.006 ล้านบาท และมอบหมายให้กรมการข้าว ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการจัดทำข้อมูลเพื่อนำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการและงบประมาณต่อไป
“ได้รับเสียงสะท้อนจากเกษตรกรว่า มาตรการต่างๆ ที่ผ่านมาของรัฐ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็นโครงการที่ตอบโจทย์ เพื่อให้เกษตรกรมีส่วนร่วม และออกครึ่งหนึ่ง โดยรัฐจะจัดหาปุ๋ยที่เหมาะสมกับการปลูกข้าว ใช้ปัจจัยการผลิตตรงตามเป้าหมาย เพื่อลดต้นทุนอย่างจริงจัง ทำให้เกษตรกรเข้าถึงปุ๋ยคุณภาพในราคาถูก เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับคุณภาพข้าวให้สนองความต้องการของตลาดและลดภาระของรัฐได้ถึงปีละ 20,770 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการใช้งบช่วยเหลือชาวนา ตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือโครงการไร่ละ 1,000 บาท ที่ใช้เงินปีละ 54,300 ล้านบาท”.