นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมระดมความเห็น IGNITE THAILAND’S TOURISM ว่า การท่องเที่ยวเป็นเรือธงสำคัญที่สุดของรัฐบาลนี้ และปีหน้าจะเป็นปีท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ รัฐบาลได้เดินหน้าประกาศนโยบายวีซ่าฟรีมีความคืบหน้ามาก โดยการยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีนทำได้แล้ว และการเจรจาให้สหภาพยุโรป (อียู) ยกเว้นวีซ่าเชงเก้นให้คนไทยก็ไม่ใช่ความฝัน ขณะที่การต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่เข้ามาไทย ต้องให้เกิดความประทับใจมากที่สุด ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาจนก้าวออกไป ซึ่งการเวิร์กช็อปในครั้งนี้ก็เพื่อปีหน้าที่ยิ่งใหญ่ โดยเริ่มวางรันเวย์จากปีนี้ล่วงหน้าไป 6 เดือน
ด้าน น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปี 2566 การท่องเที่ยวไทยสร้างรายได้ 2.13 ล้านล้านบาท และปี 2567 รัฐบาลมีเป้าหมายสร้างรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท แม้เป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่ทุกภาคส่วนจะผลักดันร่วมกัน เพราะไทยมีศักยภาพเกินกว่านั้นแล้ว เห็นได้จากปี 2560 รายได้จากการท่องเที่ยวสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดถึง 18.64% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ส่วนปี 2566 อยู่ที่ 12.80% ของจีดีพี เมื่อการท่องเที่ยว คือ จุดแข็งของประเทศ จึงจำเป็นต้องผลักดันให้มีเป้าหมายชัดเจน ปรับสเกลการพัฒนาให้มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น ผ่านการผลักดัน 5 ประเด็น ที่จะระดมสมองกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
โดยทั้ง 5 ประเด็นประกอบด้วย ประเด็นแรก Things Must Do in Thailand ไทยมีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ ประวัติ ศาสตร์ และวิถีชีวิตที่น่าสนใจ จนเป็นที่มาของ Amazing Thailand เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ชาวโลกมาเยือน ได้แก่ 1.อาหารไทย 2.มวยไทย 3.ผ้าไทย 4.วัดไทย 5.Thai Show ที่ต้องช่วยกันเฟ้นหาและผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เข้าไปอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้นึกถึงไทยเป็นประเทศแรก ใช้ความทรงพลังของเอกลักษณ์ไทย มัดใจชาวโลกให้เข้ามาท่องเที่ยว มีรอยยิ้ม และเก็บความประทับใจกลับไปบอกต่อ จนติดใจและกลับมาเที่ยวซ้ำ
ประเด็นที่สอง จุดพลังเมืองหลักชูเมืองรอง โดยหาวิธีการผลักดันทุกเมืองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ทั้ง 365 วัน “มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน” ยกระดับเมืองรองให้เป็นจุดท่องเที่ยวมากขึ้น เชื่อมโยง เส้นทางการท่องเที่ยวกับเมืองหลัก เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ พร้อมๆกับพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ยกระดับมาตรฐานที่พัก ร้านอาหาร เพื่อใช้การท่องเที่ยวสร้างรายได้ ยกระดับ คุณภาพชีวิต
ประเด็นที่สาม ยกระดับอีเวนต์สู่ระดับโลก (World Class Events) เพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางกลุ่ม MICE (ประชุมและสัมมนา) สร้างรายได้ให้ทุกภาคส่วน และกระจายสู่ภูมิภาค ท้องถิ่น และชุมชนอย่างทั่วถึง ด้วยการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางมหกรรมความบันเทิงระดับโลก ให้ประเทศไทยไม่หลับใหล ก้าวสู่การเป็นเมืองศูนย์กลางงานเทศกาล งานศิลปะ งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ การประชุมระดับนานาชาติ และมหกรรมคอนเสิร์ต โดยนำศิลปินระดับโลกเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และจัดงาน Mega Events รวมถึงยกระดับเทศกาลไทยจาก Local to Global เช่น มหาสงกรานต์ ลอยกระทง
ประเด็นที่สี่ ประสานพลัง ASEAN Con nectivity เชื่อมการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อโดยดึงจุดแข็งของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมจากประเทศเพื่อนบ้านมารวมเป็นแพ็กเกจและผลักดันให้เกิดวีซ่าเดียว (Single Visa) เพื่อก้าวสู่การเป็น ASEAN One Destination โดยไทยเป็นศูนย์กลาง และประเด็นที่ห้า การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีใช้เสน่ห์ ความมีน้ำใจโอบอ้อมอารีของคนไทย ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ด้านความปลอดภัยยกระดับการให้บริการ สร้างประสบการณ์ที่ดีและภาพลักษณ์ที่น่าจดจำ นำไปสู่การกลับมาท่องเที่ยวซ้ำและบอกต่อ สู่การเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่อบอุ่นใจ เมื่อได้กลับมาเยือน.