วิจัยกรุงศรี โดย ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตต่ำใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 3.1% พร้อมปรับคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 2.7% ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในกลุ่มอาเซียน-5 ยังเติบโตดีต่อเนื่องอยู่ที่ 4.7%
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มเติบโตตามวัฏจักรเศรษฐกิจ แม้การฟื้นตัวจะยังไม่กระจายตัวและยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% (ไม่รวมผลดิจิทัลวอลเล็ต) เร่งขึ้นจาก 1.9% ในปี 2566 ด้วยแรงส่งส่วนใหญ่จากปัจจัยภายในประเทศ 4 ด้าน ประกอบด้วย
1. การฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐและความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นจาก 28.2 ล้านคนในปี 2566 เป็น 35.6 ล้านคนในปี 2567 แม้จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิดที่ 40 ล้านคน
2. การบริโภคภาคเอกชนยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 3.1% แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น กอปรกับยังมีผลเชิงบวกจากนโยบายของภาครัฐที่ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพและมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย
3. การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2567 หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีวงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.3% จากปีงบฯ ก่อน) ได้รับอนุมัติ ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนภาครัฐกลับมาขยายตัวที่ 1.5% และ 2.4% ตามลำดับ จากที่หดตัวในปี 2566
4. การลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะเติบโต 3.3% ตามการเติบโตของภาคบริการ และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสำคัญๆ
โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะมีแนวโน้มปรับดีขึ้น แต่อัตราการเติบโตยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยมีปัจจัยกดดันการเติบโตทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ
ปัจจัยเสี่ยงในประเทศ
ปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ
แม้เศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัว แต่อัตราการเติบโตยังต่ำกว่าศักยภาพที่ 3% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 67 คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำที่ 1.1% ชะลอลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1.2% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มโอกาสทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 67 เป็นต้นไป หากแรงส่งทางเศรษฐกิจแผ่วลง เพื่อสนับสนุนให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม วิจัยกรุงศรีมองว่า กนง.จะไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 1.25% ในขณะที่ตลาดการเงินคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง หรือประมาณครั้งละ 0.25%
สำหรับทิศทางค่าเงินบาท Global Market กรุงศรีมองว่า เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว และการส่งออกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล หนุนให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าตลอดทั้งปี ค่าเงินบาทจะมีความผันผวนสูง เนื่องจากความไม่แน่นอนในการปรับนโยบายการเงินแต่ละประเทศ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney