น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ขอให้ลดอัตราผ่อนส่งขั้นต่ำรายเดือนของบัตรเครดิตเหลือ 5% ของยอดหนี้ จากได้ปรับขึ้นเป็น 8% ตั้งแต่ต้นปี 67 ว่า การเพิ่มวงเงินผ่อนส่งขั้นต่ำ เพราะพบว่าลูกหนี้จำนวนหนึ่งเพิ่มวงเงินผ่อนหนี้ได้ และต้องการให้ลูกหนี้ปิดหนี้บัตรเครดิตได้เร็วขึ้น แต่ก็มีลูกหนี้ผ่อนไม่ไหวด้วย “ธปท.เห็นด้วยในการช่วยลดภาระลูกหนี้ที่ไม่ไหวจริงๆ ซึ่งกลุ่มนี้ได้ขอให้ผู้ให้บริการบัตรเครดิต เสนอให้ลูกหนี้ปรับสินเชื่อจากบัตรเครดิต เป็นสินเชื่อส่งรายเดือนที่มีดอกเบี้ยลดลงได้ ส่วนกรณีที่ สศช.พูดถึงเอสเอ็มอี ซึ่งใช้บัตรเครดิตส่วนตัวมาใช้จ่ายซื้อของเพื่อธุรกิจ และอยากให้ช่วยเรื่องสภาพคล่องนั้น ธปท.จะรับมาพิจารณาร่วมกับ สศช. เพื่อหาแนวทางดำเนินการต่อไป”
น.ส.สุวรรณี กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่งนำข้อมูลลูกค้าไปขาย ว่า ธปท.กำลังตรวจสอบ 2 กรณีคือ 1.ข้อมูลลูกค้าหลุดจากระบบหรือไม่ เพราะระบบของธนาคารมีการควบคุมข้อมูลขั้นสูงว่า ใครเข้าถึงข้อมูลได้บ้าง ปล่อยให้คนที่ไม่มีสิทธิเข้าหรือไม่ และเมื่อเข้าไปแล้ว ระบบต้องป้องกันได้ว่าพนักงานต้องไม่บันทึกข้อมูลไปใช้ส่วนตัว หรือส่งหาอีเมลส่วนตัว ซึ่ง ธปท.จะต้องเคลียร์ว่าหลุดจากระบบของธนาคารหรือไม่ อย่างไร และสิ่งที่รั่วคืออะไร และ 2.หากเป็นพนักงานตั้งใจทุจริต เช่น ออกบูธแล้วจดข้อมูลของลูกค้าจากใบสมัคร ซึ่ง ธปท.ก็จะดูว่าธนาคารควบคุมพนักงานอย่างไร
“ธปท.กำลังตรวจสอบทั้ง 2 ส่วน กรณีคนทุจริต ธนาคารก็ไล่ออก และดำเนินคดี แต่ ธปท.ต้องการให้ธนาคารแสดงให้เห็นว่าหากเขาทำผิดจะได้รับโทษสูงสุด และถูกดำเนินคดี ส่วนกรณีระบบธนาคารมีข้อบกพร่องหรือไม่ เราประสานงานกับตำรวจอยู่ และหากมีความชัดเจนก็จะชี้แจงต่อไป”
ส่วนกรณีล่าสุดได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ว่า แอปพลิเคชันของธนาคารหนึ่งตัดยอดเงินจากบัญชีลูกค้าอัตโนมัติ 33 บาท และตัดยอดเดิมหลายๆครั้งในเวลาไม่กี่นาที คาดว่าเป็นการทำ bin attack หรือสุ่มรหัสเพื่อดูดเงินออกบัญชีลูกค้าของมิจฉาชีพนั้น ธปท.ได้ตรวจสอบแล้ว คาดว่าเป็นการทำ bin attack และอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นความบกพร่อง ธนาคารต้องรับผิดชอบลูกค้าด้วย.