นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เตรียมจัดซื้อเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 787 ฝูงใหม่ จำนวน 47 ลำ มีความเหมาะสมหรือคุ้มค่าหรือไม่ว่า เดี๋ยวจะต้องมาพูดคุยกัน ซึ่งตอนนี้เป็นความซับซ้อนของเรื่องกฎหมาย เพราะทางการบินไทยเขามีสิทธิ เนื่องจากเขาเป็นผู้วางแผน ก็มั่นใจว่าการบินไทยมีความหวังดีกับประเทศชาติ ต้องไปดูว่าจะสอดคล้องกับนโยบายอย่างไรบ้าง
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระทรวงคมนาคม ได้แต่เพียงสอบถามว่าการจัดซื้อครั้งนี้มีความคุ้มค่าหรือไม่ แต่ยอมรับว่ากระทรวงคมนาคมมีความเป็นห่วงอย่างมาก ผู้ที่มีอำนาจคือคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย “เห็นในโซเชียลมีเดียบอกว่าเป็นคนอนุมัติจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่นี้ มันตรงกันข้ามเลย ถ้าผมมีอำนาจผมจะหยุดไว้ก่อน เพื่อดูว่าคุ้มทุนหรือไม่ แต่ผมไม่มีอำนาจ”
นายสุริยะยังได้กล่าวถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิว่า มีความเป็นห่วงเรื่องการบริหารจัดการกระเป๋าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งทราบปัญหาจากสายการบินต่างๆว่ามีความไม่สบายใจเกี่ยวกับระบบขนส่งกระเป๋าภายในสนามบิน โดยช่วงที่ตนเป็น รมว.คมนาคม ครั้งที่แล้ว ได้ให้สัมปทานการจัดการกระเป๋าแก่บริษัทการบินไทย โดยไม่ต้องประมูลเพราะในขณะนั้นเป็นรัฐวิสาหกิจ พร้อมกับเอกชนอีกรายหนึ่ง
“ตนจึงสอบถามกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ดีดี) การบินไทย ถึงปัญหาดังกล่าวก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีปัญหา จึงจัดให้มีการประชุมระหว่างสายการบินต่างๆกับการบินไทย ซึ่งทางสายการบินต่างๆยืนยันว่า มีปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอ อุปกรณ์ในการขนส่งกระเป๋าก็ไม่เพียงพอ มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงขอให้การบินไทยไปปรับปรุง หากไม่ปรับปรุงกระทรวงคมนาคมอาจมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งตามสัญญาระบุว่าหากไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อกำหนดก็มีสิทธิจะยกเลิกสัญญาสัมปทานดังกล่าว ขณะนี้ยังเหลือระยะเวลาอีก 10 กว่าปี และตรงนี้ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่นายกรัฐมนตรีได้เห็น ในการลงพื้นที่สุวรรณภูมิก่อนหน้านี้”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่