นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการ ใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า จากที่อุตสาหกรรมการบินกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งเที่ยวบินที่บินเข้าออก รวมถึงปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะผู้โดยสารที่จะเดินทางระหว่าง ประเทศ ดังนั้นตนจึงมีแนวคิดที่จะทบทวนแผนแม่บทขยายขีดความสามารถสนามบินของ ทอท. ในระยะ 10 ปีข้างหน้านี้ใหม่ (ปี 68-78)
ทั้งนี้ จากเดิมที่ ทอท.มีแผนที่จะก่อสร้างอาคาร ผู้โดยสารทางด้านทิศเหนือสนามบินสุวรรณภูมิก่อน ซึ่งอาคารดังกล่าวจะเป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศเท่านั้น ก็มีแนวคิดการพัฒนาที่จะปรับเปลี่ยนให้มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางด้านทิศใต้ ซึ่งอาคารจะรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศเช่นเดียวกับอาคารผู้โดยสารหลังเดิมในปัจจุบัน โดยพื้นที่ก่อสร้างจะติดกับถนนบางนา-ตราด เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารได้ถึง 180 ล้านคนต่อปี
สำหรับสาเหตุที่มีแนวคิดทบทวนแผนการขยายขีดความสามารถสนามบินของ ทอท.ใหม่ เนื่องจากในปัจจุบันจะพบว่าความหนาแน่นของปริมาณผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิจะเป็นผู้โดยสารที่จะเดินทางระหว่างประเทศเป็นหลัก โดยช่วงที่มีปริมาณผู้โดยสารมากจะเป็นช่วง 22.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลาที่ผู้โดยสารในประเทศเดินทาง เพราะส่วนมากผู้โดยสารในประเทศจะเดินทางช่วงเช้า และช่วงดังกล่าวสนามบินยังมีการบริหารจัดการได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด โดยภายในปี 67 นี้ ทาง ทอท.จะมีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาแผนแม่บทการพัฒนาสนามบินฉบับใหม่ และได้ข้อสรุปก่อนที่จะมีการเดินหน้าแผนได้ภายในต้นปี 68
นายกีรติ กล่าวต่อว่า ส่วนแผนลงทุนในปี 67 ทอท.จะเดินหน้าสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกของอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าลงทุน 9,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสารได้อีกจำนวน 15 ล้านคน/ปี ขณะนี้อยู่ในช่วงการปรับแบบก่อสร้างคาดเปิดประมูลในเดือนพฤษภาคมนี้ รวมถึงแผนขยายสนามบินดอนเมืองเฟส 3 มูลค่า 36,000 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ และปรับปรุงอาคาร 1 และ 2 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารในประเทศเพื่อเพิ่มการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 50 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับแบบคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม และเปิดประมูลปลายปี 67-ต้นปี 68
นอกจากนั้นยังมีแผนสร้าง Junction Terminal ซึ่งยังมีพื้นที่ว่างระหว่างอาคาร Do mestic Terminal กับ International Terminal สร้างเป็นอาคารพัฒนาเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยอาจใช้แนวคิดจากการพัฒนาพื้นที่ของสนามบินชิโตเสะของญี่ปุ่น แต่ทั้งนี้ต้องรอการพัฒนาดอนเมืองเฟส 3 ก่อน
นอกจากนั้นจะขยายสนามบินภูเก็ต ระยะที่ 2 วงเงิน 8,300 ล้านบาท สร้างส่วนต่อขยาย อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ คาดเริ่มประมูลสร้างได้ไตรมาส 2 ปี 68 รองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี และขยายสนามบินเชียงใหม่ เฟส 1 มูลค่า 8,000 ล้านบาท คาดเปิดประมูลได้ปลายปี 67 รองรับผู้โดยสารได้ 16.5 ล้านคนต่อปี
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ทอท.มีกระแสเงินสดในมือประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาทจากเดิมก่อนสถานการณ์โควิดมีกว่า 70,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์การบิน อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกกลับมาเติบโต และการเดินทางเข้าออกของเที่ยวบินมายังประเทศไทยและผ่านสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบ ทอท. 6 สนามบินเติบโตต่อเนื่องและยังคาดว่าปีหน้าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10-20%
ดังนั้น จึงคาดว่าในปี 67 จะมีกระแสเงินรายรับเข้ามากว่า 70,000 ล้านบาท และเมื่อหักกระแสเงินสดรายจ่ายลงทุนกว่า 40,000 ล้านบาทก็จะเหลือกระแสเงินสดในมือรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้น การลงทุนที่ ทอท. จะมีขึ้นจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใดแน่นอน.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่