นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผย ถึงกรณีที่ผู้ส่งออกข้าวระบุว่าการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ตามนโยบายรัฐบาลเกิดขึ้นยากว่า กรณีที่ไทยอยู่ระหว่างการเจรจาขายข้าวจีทูจีให้รัฐบาลอินโดนีเซียนั้น กระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าต่อให้สำเร็จ เพราะเป็นเรื่องที่ระดับผู้นำของ 2 ประเทศเจรจากันไว้แล้ว และได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเจรจาให้ได้ข้อสรุปภายในเดือน มี.ค.นี้ เพราะข้าวฤดูกาลใหม่ของไทยกำลังจะออกในเดือน มี.ค.นี้แล้ว จำเป็นต้องเร่งหาตลาดรองรับ เพื่อให้ราคาข้าวในประเทศมีเสถียรภาพ
“นั่นเป็นความคิดของผู้ส่งออก ผมคิดแบบผู้ชนะ ไม่ยอมแพ้ไม่เคยมีความคิดจะหยุด ผู้นำของ 2 ประเทศคุยกันไว้แล้วว่าต้องการแบบนี้ ก็ต้องทำให้สำเร็จ เรากำลังทำงาน และเชื่อว่าอินโดนีเซียมีความต้องการนำเข้าข้าวจากไทยจริง การจะขายข้าวไม่ใช่ดูที่ราคาอย่างเดียว ราคาข้าวไทยอาจสู้คู่แข่งไม่ได้ แต่คุณภาพเราไม่เป็นรองใคร” นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่สนใจจะซื้อข้าวไทยแบบจีทูจี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีประเทศใดบ้าง เพราะหากเปิดเผยแล้วคู่แข่ง อาจรีบขายแข่ง
นายภูมิธรรมกล่าวต่อถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรสำคัญว่า จากการ ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการบริหารจัดการเชิงรุก ทำให้ขณะนี้ราคาดีขึ้นทั้งหมด โดยราคาข้าวหอมมะลิ/ข้าวเหนียว ราคาเพิ่มขึ้น 12% มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 49% ปาล์มน้ำมัน เพิ่มขึ้น 9% ยางพารา ยางแผ่นดิบ เพิ่มขึ้น 22% พืชหัว เช่น หอมแดง เพิ่มขึ้น 27% ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มขึ้น 6%
ทั้งนี้ เพราะมีระบบติดตามสถานการณ์สินค้าเกษตรที่จะออกสู่ตลาดตามฤดูกาลเพื่อเตรียมการรับมือกับปัญหาล่วงหน้า โดยจะสื่อสารใกล้ชิดกับเกษตรกรและผู้ประกอบการ บริหารจัดการสมดุลในห่วงโซ่สินค้าเกษตร ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยได้มอบหมายให้คณะกรรมการสินค้าเกษตรต่างๆศึกษาโครงสร้างต้นทุน และราคาสินค้าเกษตร ให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์สมดุล เพื่อแก้ปัญหาทั้งระบบ และคาดว่าปี 67 ราคาสินค้าสำคัญจะอยู่ในระดับสูง และมีเสถียรภาพ.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่