ปี 2567 นับเป็นอีกปี ที่คงจะต้องจับตามองถึงภาวะ "การแข่งขัน" และ "การอยู่รอด" ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย เนื่องจาก นับตั้งแต่ต้นปี แม้จะเห็นดีเวลลอปเปอร์ รายใหญ่ๆ ของตลาดที่อยู่อาศัย ออกมาประกาศ การลงทุนอย่างต่อเนื่อง และคึกคัก แต่ถ้าพิจารณาไส้ในจริงๆ จะเห็นได้ว่า เป็นแผนการลงทุน ที่ค่อนข้างระมัดระวังอยู่พอตัว จากสภาพเศรษฐกิจ และ "กำลังซื้อ" ในปีนี้ ที่ไม่เอื้อมากนัก
เจาะทิศทาง และ มุมมอง การดำเนินธุรกิจ ของ อีก 1 เจ้าใหญ่ในตลาดบ้านหรูเมืองใหญ่ และ เป็นกลุ่มทุนที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง อย่าง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC
ที่กำลังเดินทางเข้าสู่ทศวรรษ ที่ 3 ซึ่งผ่านร้อน ผ่านหนาว มาแล้วหลายวิกฤติ เช่นเดียวกับพี่ใหญ่อื่นๆ ในวงการ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติการเมือง, ภัยธรรมชาติ และ โรคระบาด แต่บางทีนี่ได้กลายเป็นโอกาส ให้กับ คนที่ปรับตัวได้ไวกว่า
"ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SC ระบุว่า ภาวะอสังหาฯ ไทย ปีนี้ไม่ง่าย เพราะ บริบท เศรษฐกิจโลก ที่ยังต้องเฝ้าจับตามอง จากผลกระทบที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด และมีเทคโนโลยีเกิดใหม่ เป็นตัวเร่งของคำว่า "โลกาภิวัฒน์"
ขณะเศรษฐกิจไทย ยังอยู่บนคำว่า "ไม่แน่นอน" กำลังซื้อในตลาดบ้าน มีปัจจัยบวกน้อยกว่า ปัจจัยลบ ย้อนไป ปี 2566 อสังหาฯ มีการเปิดตัวโครงการใหม่ มากเป็นประวัติการณ์ ด้วยมูลค่ารวม กว่า 5 แสนล้านบาท แต่ปีนี้ น่าจะแผ่วลง เพราะ ดีเวลลอปเปอร์ทุกราย เห็นภาพน่าห่วงของข้อมูลแล้ว คาดแนวโน้มการลงทุนจะลดลง 10-15% จากการระมัดระวังตัวมากขึ้น
ความท้าทายที่น่าสนใจ คือ ตลาดบ้านเดี่ยว ที่มีซัพพลายใหม่ เพิ่มขึ้นมานับ 37% แต่ ความต้องการ หรือ ดีมานด์ ไม่ได้โตตามไปด้วย แต่อาจยังทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีตลาดลักชัวรี่ หรือ บ้านหรู ที่ดีมานด์แข็งแกร่งคอยรองรับ แต่แนวโน้ม ทาวน์เฮาส์ หรือ ทาวน์โฮม ยังไม่เห็นการฟื้นตัว ส่วน คอนโดฯ คาดปีนี้ ยอดขายอาจปรับตัวดีขึ้น
แม่ทัพใหญ่ SC ยังกล่าวต่อว่า อสังหาฯ ยุคนี้ ต่างจากไปจากเดิม เพราะอดีต ที่เคยได้ยินกันว่า “ปลาใหญ่ ไล่กิน ปลาเล็ก หรือ ปลาไว รอกิน ปลาที่ว่ายช้า” มาสู่ นิยามใหม่ ที่ว่า “ปลาใหญ่กว่า กินปลาใหญ่” เพราะด้วยแวดล้อมการทำธุรกิจ ที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ได้แก่…
“อสังหาฯ อยู่ในยุคที่สมรภูมิการแข่งขันสูง รายใหญ่ กับ รายเล็ก มีความต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะ รายใหญ่ด้วยกัน ก็แตกระดับออกกันไปอีก ไม่ใช่แค่แย่งคนทำงาน แย่งกันซื้อที่ดิน แต่ด้วยสภาพคล่องหายาก เพราะธนาคารระมัดระวัง ฉะนั้น ใครเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดีกว่า ย่อมแข็งแกร่งกว่า และ มีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืนกว่า”
SC ไม่ได้มอง เพียงแค่ว่า ตัวเองมีความแข็งแกร่ง และเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย แต่แผนธุรกิจปีนี้ ยังมาพร้อมกับ กลยุทธ์สำคัญ ที่จะสร้างความเติบโตในระยะยาว ด้วยเป้าหมายรายได้ 5 ปี (ปี 2567-2570) ทะยานสู่ 1.5 แสนล้านบาท ผ่านแผนกระจายการลงทุน เพื่อสร้างส่วนผสมของรายได้ และ กำไร ที่เติบโต จากธุรกิจหลากหลาย มากถึง 103 โครงการ
กุญแจดอกที่ 1 : กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย
โดย ปี 2567 SC ประกาศว่า จะมีโครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่ารวม 91,000 ล้านบาท เปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น
กุญแจดอกที่ 2 : ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ
โดยจะมีแผนลงทุนใหม่ ทั้งสิ้น 17 โครงการ จาก 4 ธุรกิจ แบ่งเป็น
ซึ่ง ทั้งหมด อยู่ภายใต้ ตั้งเป้ายอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 65% แนวสูง 35% และ รายได้รวม 26,500 ล้านบาท และอีกส่วนที่จะมาจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ
“SC กำลังเดินทางสู่การเติบโตในทศวรรษที่ 3 ด้วยวิสัยทัศน์ SC the Evolution ผ่านการปรับตัวตามบริบท เติบโตด้วยการสร้างคุณค่า สู่คนและโลก และ เติบโตด้วยธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ คล้ายต้นไม้ใหญ่ ที่เติบโตแผ่กิ่งก้านสาขา เป็นร่มเงาให้รอบๆ”