รู้หรือไม่? เวลาเศรษฐกิจซบเซา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็จะซบเซาตามไปด้วย แต่มักจะมีสอง Segment ที่แทบไม่ได้รับผลกระทบเลย นั่นคือ Luxury และ Super Luxury
จึงทำให้อสังหาฯ กลุ่มนี้ไม่ได้แค่เป็นที่นิยมของเศรษฐีคนรวย แต่ยังเป็นที่หมายตาของกลุ่มนักลงทุนระดับบน ทั้งคนไทย และคนต่างชาติอีกด้วย
เรากำลังพูดถึง “Branded Residence” การเจอกันระหว่าง ความหรูหราของแบรนด์ดัง กับ โครงการที่อยู่อาศัยที่กำลังฮอตฮิตในตลาดอสังหาฯ ขณะนี้
ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า ตลาด branded residences ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตถึง 216% ด้วยโลเคชันที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น และ “ประเทศไทย” ก็เป็นที่หมายตาของการลงทุนใหม่ๆ อีกด้วย
ล่าสุด เรียกได้ว่าเขย่าวงการอสังหาฯไทย ก็คงไม่ผิดนัก หลัง สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล (Standard International) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลก ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในธุรกิจไลฟ์สไตล์โฮเทล
ประกาศจับมือกับ 1 ใน ดีเวปลอปเปอร์ชั้นนำของวงการอสังหาฯไท และ 1 กลุ่มทุนใหญ่ระดับประเทศ ร่วมพัฒนา “THE STANDARD RESIDENCES” โครงการที่พักอาศัยรูปแบบ branded residences บนทำเลเมืองท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง “หัวหิน” และ “ภูเก็ต”
โดยความน่าสนใจอยู่ที่ พิกัดหัวหิน เพราะนี่จะถือเป็นโครงการ branded residences แห่งแรกในเอเชีย ของแบรนด์ Standard อีกด้วย และนับเป็นแห่งที่ 3 ของโลกต่อจาก Miami และ Lisbon
“อมาร์ ลัลวานี” ประธานกรรมการบริหาร Standard International เผยว่า หลังจากเมื่อไม่นานมานี้กลุ่มบริษัทได้เข้ามาพัฒนาแฟล็กชิพใหม่ของเอเชีย อย่างโรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakhon ด้วยจุดเด่น เอกลักษณ์ ทั้งในด้านห้องพัก การท่องเที่ยว อาหาร ความสนุกยามค่ำคืน งานศิลปะ และไลฟ์มิวสิก ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
นำมาสู่การพัฒนาโครงการ branded residences ในประเทศไทย 2 ทำเลสำคัญด้วยกัน คือ
ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะชูจุดเด่นในแง่ สิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งแต่ ล็อบบี้เลาจน์, คาเฟ่, เดอะสแตนดาร์ดโซเชียลคลับ, คอร์ทพิคเคิลบอล, ห้องคาราโอเกะ, โยคะสตูดิโอ, ฟิตเนส, โคเวิร์คกิ้งสเปซ, ห้องเก็บจักรยาน และห้องสมุดรวม ซึ่งทั้งหมดนำโดย ดีไซน์ที่แตกต่าง
“มั่นใจว่า 2 โครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวที่มองหาบ้านพักตากอากาศที่มีเอกลักษณ์พร้อมบริการมาตรฐานระดับโลก รวมถึงเป็นแม่เหล็กตอบรับโจทย์ของนักลงทุนที่เล็งเห็นศักยภาพของเมืองท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาสทั้ง 2 เดสติเนชั่นด้วย”
เจาะมุมมองแสนสิริต่อก้าวสำคัญครั้งนี้ บนตำแหน่งเจ้าตลาดอสังหาฯ หัวหิน มานานถึง 35 ปี จาก บ้านไข่มุก สู่ แรร์ไอเทมแห่งใหม่
“อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ ระบุว่า โครงการนี้มีมูลค่าโครงการรวม 4,500 ล้านบาท และเป็น Beachfront branded residences ภายใต้แบรนด์ The Standard แห่งแรกในเอเชีย ตั้งอยู่บนไพร์มโลเคชันบนที่ดินหายากติดหาดหัวหิน ที่สามารถพัฒนาโครงการใหญ่แบบฟรีโฮลด์ได้
สำหรับไฮไลต์อยู่ที่ Beachfront Pool Villa สุดแรร์ ซึ่งมีราคาขายแตะ 100 ล้านบาท จำนวน 2 ยูนิต จากทั้งหมดจำนวน 245 ยูนิต บนพื้นที่โครงการขนาด 9 ไร่ ที่ดินแปลงติดกับโรงแรม The Standard หัวหิน
“หัวหินเป็นตลาดที่มีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจสูง เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัย Resort home เป็นบ้านหลังที่ 2 มากขึ้น ทั้งซื้อเพื่ออยู่เอง เพื่อการลงทุนของชาวไทย และต่างชาติ”
สำหรับอีก 1 โครงการ ที่หาดบางเทา ภูเก็ต นั้น “ภูมิ จิราธิวัฒน์” ผู้บริหาร ซีจี แคปปิตอล ให้ข้อมูลน่าสนใจว่า โครงการ The Standard Residences ภูเก็ต ตั้งอยู่ในทำเล “บางเทา”
ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มเซ็นทรัล ได้มีการเปิดตัวโครงการปอร์โต เดอ ภูเก็ต (Porto De Phuket) ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์บนพื้นที่ 40,000 ตารางเมตร จนกลายเป็นฮอตสปอตของภูเก็ต และย่านบางเทาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด CG Capital จึงตั้งเป้าที่จะต่อยอดความสำเร็จด้วยโปรเจกต์อสังหาฯ และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ด้วยความเป็น branded residences ของเครือบูทีคไลฟต์สไตล์ระดับโลกอย่าง The Standard ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยราคาขายเริ่มต้นเกือบ 12 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 188 ยูนิต
“เชื่อมั่นว่า ภูเก็ต เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งอันดามัน โด่งดังติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และยังได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับ Workation อันดับ 10 ของโลก เป็นโอกาสทองในการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งแรกในหาดบางเทาของบริษัท”
ทั้งนี้ อาจสรุปได้ว่า หลังวิกฤติโควิด-19 ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนจากในปี 2566 ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยสูงถึง 28 ล้านคน ทำให้อสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ได้รับความสนใจมากขึ้นด้วย นี่จึงกลายเป็นโอกาสของกลุ่มทุนต่างๆ ในการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อรับอานิสงส์ดังกล่าว.